![]() |
|||||||
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
|||
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
|
ดิจิตอลแอมป์มาแน่หรือ โดย...อ. ไมตรี ทรัพย์เอนกสันติ การทำงานของภาคเสียงขยายปัจจุบัน เรียก “ภาคขยายอนาลอก” โดยมันจะขยายสัญญาณรูปคลื่นเสียงที่มีระบบสูงๆต่ำๆกว้างๆแคบๆมาช้า มาเร็ว มาถี่ ตรงตาม สัญญาณเสียงที่ป้อนให้มันทุกประการแต่มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น การทำงานของภาคขยายเสียงดิจิตอล จะนำสัญญาณเสียงปกติในรูปอนาลอกเช่นกัน แต่นำมาแปลงให้อยู่ในรูปคลื่นสี่เหลี่ยมความถี่สูงมาก ด้วยวงจรแปลงอนาลอกเป็นดิจิตอล (ADC) แล้วส่งให้ภาคขยาย ขยายสัญญาณรูปสี่เหลี่ยมนั้นที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เข้า วงจรกรองสัญญาณความถี่สูงทิ้ง กลายป็นสัญญาณ อนาลอก ป้อนให้แก่ลำโพง ส่งเสียงให้เราฟัง นี่อธิบายกันอย่างง่ายๆลัดที่สุด จริงๆยังมีข้อปลีกย่อยอีกมาก เสน่ห์เด่นที่สุดของดิจิตอลแอมป์ (ต่อไปเรียก D- AMP ซึ่งไม่เกี่ยวกับ CLASS D แอมป์นะครับ) คือ สามารถออกแบบและสร้างแอมป์กำลังขับสูงมากได้ ด้วยขนาดเล็กจิ๋วและใช้อุปกรณ์น้อยชิ้นที่สุด เนื่องจาก D-AMP มีประสิทธิภาพสูงมากระดับกว่า 90 % ขณะที่แอมป์อนาลอกให้ประสิทธิภาพตั้งแต่ ต่ำกว่า 25 % (PURE A) ถึงแค่ประมาณไม่เกิน 90 % (CLASS B) จริงๆ โดยทั่วไปจะได้แค่ไม่เกิน 80 % (CLASS A – B) ดูตัวเลขประสิทธิภาพที่ห่างกันไม่กี่สิบเปอร์เซ็นต์ อาจเหมือนไม่เยอะแต่จริงๆมีผลมาก ทั้งต่อจำนวนและขนาดชิ้นส่วนอุปกรณ์ (อันส่งผลถึงขนาดดและน้ำหนักของตัวเครื่อง), การระบายความร้อน (D – AMP แทบไม่ร้อนเลย) แน่นอนสิ่งเหล่านี้ส่งผลถึงราคาของ D-AMP ที่ควรจะถูกกว่ามาก (ถ้าผลิตแบบทีละเยอะๆ) อย่างไรก็ตาม ข้อเสียอย่างรับไม่ได้ของ D-AMP ก็คือ
เกือบ 50 ปีที่ผ่านมาของวงการไฮไฟ มีความพยายามที่จะทำให้ D – AMP เสียงเป็นผู้เป็นคนขึ้น ไพเราะน่าฟังขึ้น ซึ่งใน 20 ปีหลังนี้ก็ทำได้ดีขึ้นมากพอควรในระดับที่ไม่ถึงกับอุบาทว์หูแล้ว บางยี่ห้อนำไปใช้กับระบบเสียงอาชีพ (เช่นยี่ห้อสเปคตรอน) บางยี่ห้อใช้กับเครื่องเสียงไฮไฟเช่น SONY 40 ปีแล้ว (ก่อนใครในโลก) ต่อมาอีก 20 กว่าปีก็มี ONKYO และค่ายทางยุโรป แม้แต่กับรีซีฟเวอร์เซอราวด์ (เช่น PIONEER) SONY เองใช้กับทีวี LCD (LED) รุ่นแพง หรือแม้แต่กับหูฟังระบบตัดเสียงกวน ค่ายฝรั่งหลายเจ้าใช้กับระบบลำโพงบ้านไฮเอนด์ ACTIVE ที่มีภาคขยายในตัว ระดับอินทริเกรทแอมป์ไฮเอนด์ก็เช่น SHARP (ออกมา 2 – 3 รุ่นเมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว ปัจจุบันเลิกหมดแล้ว ผู้เขียนก็เคยทดสอบรุ่นแรกราคา 600,000 บาท) อย่างไรก็ตาม ในความคิดของผู้เขียน D-AMP ไม่ว่าถูกหรือแพงแค่ไหนยังให้เสียงที่รับไม่ได้ ฟังนานๆ เลี่ยน, เบื่อ,เซ็ง ไม่มีเสน่ห์ใดๆ มิติเลิกพูดถึง บางคนอาจชื่นชอบที่เสียงมันฉับไวดีมาก อย่างทุ้มนี่ฉับไวเท่ากับแหลมเลย (แต่ขาดมวลน้ำหนักแบบทิ้งตัวลงพื้นห้อง มีแต่ความดัง) จนเมื่อ 2 ปีมานี้ผู้เขียนได้ทดสอบอินทริเกรทแอมป์ D-AMP ของ NAD (390 DD) ราคาประมาณ 90,000 บาท โดยผู้เขียนได้จัดแยกสายภายในลดการกวนกันเอง ได้ฟังอินทริเกรทแอมป์ D-AMP ของ ROKSON รุ่น OXYGEN (ราคา 150,000 บาท) ก่อนหน้านี้ได้ฟัง D-AMP อินทริเกรทของ T+A (แสนกว่าบาท) อินทริเกรทแอมป์ CLASS A/D (CLASS D ที่ควบคุมคุณภาพการทำงานด้วย CLASS A (อนาลอก) ซึ่งการทำงานของ CLASS D ก็เกือบจะเป็น D-AMP แล้ว (ราคา 300,000-600,000 บาทตามรุ่นใหญ่/เล็ก ยี่ห้อ DE-VIOLETจากฝรั่งเศส) ทำให้ผู้เขียนเริ่มตะหนักว่า ถึงเวลานี้ D-AMP ได้พัฒนาถึงระดับหูไฮไฟฟังได้ไม่อึดอัดแล้ว หูชาวบ้านไม่ต้องพูดถึง.......สอบผ่านฉลุย หูไฮเอนด์พอรับได้จากที่เมินสนิท ด้วยคุณภาพเสียงที่
สรุปคือ เสียงอย่างนี้พวกฝ่ายการตลาดเขาถือว่า “ขายได้แล้ว” จึงเป็นไปได้ที่จะมีออกมาจากอีกหลายๆ ค่ายในเร็วๆ นี สิ่งที่เป็นตัวเร่งการเติบโตของ D-AMP คือ การที่พยายามสร้างกระแสการเชื่อมต่อ ON LINE ไม่ว่าด้วยสาย (LAN), ด้วยไร้สาย (WIFI, BLUETOOTH รุ่นล่าสุด, NFC) การใช้เป็น DAC สำหรับเพลงที่เก็บไว้ใน PC, การโหลดและเล่นกับโทรศัพท์มือถือ,เครื่องเล่นพกพา, TABLET พูดง่ายๆว่าแปลงอินทริเกรทแอมป์ (D-AMP) เป็น DAC/AMP หรือ MEDIA CENTER หรือฮับ สำหรับการเชื่อมต่อ ซึ่งสอดรับกับชีวิตประจำวัน (LIFE STYLE) ของคนรุ่นใหม่ (หูตะกั่ว) ที่ต้องการ ปริมาณ (เพลงเยอะๆ) มากกว่าคุณภาพ (QUALITY ) D-AMP ในลักษณะ MEDIA CENTER จึงเป็นที่จับตาและเป้าหมายผลิตภัณฑ์เครื่องเสียงต่อไปของผู้ผลิตไฮ-ไฟ, ไฮ-เอนด์ทั้งหลาย อนาคตของอนาลอกแอมป์และ D-AMP ผมเชื่อว่า D-AMP จะถูกใช้และผลิตกันอย่างกว้างขวางขึ้นตั้งแต่ปีหน้านี้เป็นต้นไป และราคาจะถูกลงๆไม่ใช่เป็นแสนกว่าบาทอย่างปัจจุบัน ถามว่าแล้วแอมป์อนาลอกจะสูญพันธุ์ไหม? ผมเชื่อว่าเป็นการยากมากจนถึงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำ D-AMP ให้เสียงมีเสน่ห์เป็นธรรมชาติได้อย่าง แอมป์อนาลอก จากปัญหาคลื่นความถี่สูงที่ D-AMP สร้างขึ้นมาอย่างมหาศาล D-AMP รุ่นหนึ่งถึงขนาดไปป่วนให้ภาคจ่ายไฟแบบ SWITCHING ของเครื่องเล่นCD ระดับไฮ-เอนด์เกือบสี่แสนบาท “พัง” (จากแรงดันไฟที่กระโชกสูงขึ้นทันที) นี่เป็นเค้าลางที่น่ากลัวและน่ากังวลมากจริงๆ ถ้ามันเกิดไปจูงภาคจ่ายไฟ SWITCHING ของจอ TV LCD ราคาเป็นแสนเป็นล้านพังล่ะ หรือจูงภาคจ่ายไฟของมือถือล่ะ(พวกนี้ SWITCHING ทั้งนั้น) อย่างหลังพึ่งการกำกับดูแลของหน่วยงานมาตรฐานอย่าง FCC ก็ D-AMP ตัวที่ว่านั้นก็คงต้องผ่าน FCC ไม่อย่างนั้นคงขายในอเมริกาไม่ได้ ก็ยังสร้างปัญหาดังกล่าว บางทีโอเคผ่าน FCC แต่ FCC ก็คงไม่เข้ามาล้วงลูกลึกขนาดว่า D-AMP นั้นเอาไปใช้ในสิ่งแวดล้อมอะไร บางครั้งสิ่งแวดล้อมที่เต็มไปด้วยสารพัดคลื่น RF (ทั้งเครือข่าย CELL SITE โทรศัพย์มือถือ,WIFI,เป็นสิบรอบตัวเรา, เครือข่าย DIGITAL TV, คลื่นมือถือเอง, คลื่นจาก PC/โน้ตบุ๊คที่ความถี่สูงขึ้นๆทุกวัน, คลื่นจากระบบสื่อสาร/วิทยุ/TV พวกนี้มีสิทธิเข้ามาป่วน D-AMP เท่าๆกับที่ D-AMP ไปป่วนมันหรือคลื่นเหล่านี้ผสมกันเอง (Modulation) ได้เป็นคลื่นใหม่ๆ ที่แถบคลื่นกว้างพอที่จะไปป่วน D-AMP หรือผสมกับคลื่น D-AMP ไปป่วนอุปกรณ์อื่นภายนอก “มันเป็นไปได้หมด” ถ้าคุณศึกษามาทางปัญหา EMF, EMC, RF คุณจะเข้าใจ (และตกใจ!) นี่ยังไม่นับว่า คลื่นความถี่สูงมากๆจาก D-AMP รุ่นใหม่ๆ (ซึ่งจะทำงานที่ความถี่สูงมากๆ) จะมีผลต่อสมอง,ต่อร่างกายมนุษย์และสัตว์ (พืช) ยังไม่ต้องพูดถึงสุขภาพ คลื่นเหล่านี้จะลดประสาทการรับรู้ของสมองต่อเสียงที่หูรับเข้ามา (คือไปป่วนส่วน “ประมวลผล”ของการฟังที่สมอง) คุณภาพเสียงที่ได้ยินจะไม่มีวันดีได้เลย (ผู้เขียนได้ทำการทดลอง ทดสอบในกรณีนี้มาแล้ว ผลของคลื่นความถี่สูงต่อสมองลดคุณภาพเสียงได้อย่างน่าตกใจมากคือ 35 – 45 %เป็นอย่างน้อย! ในอีกแง่มุมหนึ่ง การที่มันเป็น D-AMP ซึ่งเราสามารถออกแบบให้ทำงานบนพื้นฐานของการเขียนโปรแกรม (Software) อย่างคอมพิวเตอร์ จึงเป็นไปได้ที่ผู้ผลิตจะเขียนโปรแกรมคำสั่งเพื่อสั่งให้มันเลียนแบบเสียงอะไรก็ได้ ไม่ว่าเครื่องทรานซิสเตอร์, เครื่องหลอด, เครื่องยี่ห้อนั้นยี่ห้อนี้ (ด้วยการจำลอง Transfer Function ของเครื่องยี่ห้อนั้นๆ) จะตกแต่งเสียงให้อิ่ม, อวบ, สด, กังวานนุ่มนวล, เร่งเร้า, ทุ้มเยอะแหลมเยอะ (EX) อะไรก็ได้แล้วแต่โปรแกรมที่เขียนมา (เหมือนที่ใช้กันในวงการดนตรีสังเคราะห์, สตูดิโอบันทึกเสียง, เครื่องดนตรีเทียม ฯลฯ) บอกได้เลยว่า “สนุก” อาจมีการทำ D-AMP ที่ผู้ใช้สามารถซื้อโปรแกรมบุคคลิกเสียงต่างๆมาโหลดคำสั่งลงไปได้…..เสียงเสกได้ ต่อไปอาจถึงขั้นมี App ง่ายๆให้ผู้ใช้เขียนโปรแกรมคำสั่งสร้างบุคคลิกเสียงเองได้ อย่างไรก็ตาม ของเก๊ก็คือของเก๊ ผมมั่นใจว่าไม่มีทางให้เสียงได้อย่างเป็นธรรมชาติของอนาลอกแอมป์(ที่ดีด้วยนะ) D-AMP ขายได้แน่ ตลาดกว้างแต่ไม่มีวันทดแทนอนาลอกแอมปืได้ (อย่างน้อยปัญหาคลื่นกวน) ใครจะรู้ อนาลอกแอมป์ดีๆในปัจจุบันอาจกลายเป็นของหายาก เป็นตำนานและราคาสูงขึ้นๆในอนาคตก็ได้ www.maitreeav.com |