000
ปรึกษาเครื่องเสียง อจ. ไมตรี โทร 099-569-6459    
 
บอร์ดพูดคุย, ซื้อ-ขายเครื่องเสียง
>> audio-teams.com
>> noom-hifi.com
>> wijitboonchoo.com
>> hifi55.com  
>> sk-audiophile.com
>> htg2.net
นิตยสารเครื่องเสียง
>> what Hi-Fi? Thailand
>> The Wave
>> Audiophile-Videophile
>> gm2000.com
>> The Stereo
ร้านค้าเครื่องเสียง
>> Piyanas Electric
>> KS Sons Group
>> Conice (บ้านทวาทศิน)
>> อัศวโสภณ
>> munkonggadget.com
>> bkkaudio.com
 
ปรับขนาดตัวหนังสือ เช่น 15, 16, 18, 20, + + / ยกเลิกใส่ 0 :

หมวดหมู่ > บทความ > เครื่องเสียงบ้าน > เพิ่มพลังเสียงให้ชุดคุณ (โดยไม่ต้องเสียเงิน)
วันที่ : 16/01/2016
26,312 views

เพิ่มพลังเสียงให้ชุดคุณ (โดยไม่ต้องเสียเงิน)

โดย...อ. ไมตรี ทรัพย์เอนกสันติ

เมื่อชุดเครื่องเสียงที่เราใช้อยู่ให้เสียงได้ไม่เต็มที่ จุใจ เราจะแก้ปัญหาได้อย่างไรโดยไม่ต้องเสียเงินซื้อแอมป์ใหม่ที่กำลังขับสูงขึ้น

       ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า เสียงที่เต็มที่ จุใจคืออะไร?

       ถ้ามันหมายถึง เสียงออกมาแบบอั้นๆ เร่งไม่ขึ้น ไม่มีน้ำหนักเสียง มีแต่ความดังแบบโหว่งๆไม่มีเนื้อควบแน่น ไม่กระเด็นหลุดลอยออกมาหาเราเท่าที่ควร ออกจะถอยจมติดจอ ไม่ว่องไว เข้มข้น ฉับพลัน

       ถ้าอาการชุดของคุณเป็นดังนี้ เรามีวิธีแก้ได้โดยคุณแทบจะไม่ต้องเสียเงินเลย

  1. ตรวจสอบทิศทางสายไฟ AC ที่เข้าห้องเสียงคุณ ที่ลากจากมิเตอร์ ถ้าเดินสายย้อนทิศเช่น ควรเดินแบบอ่านยี่ห้อสายไล่จากมิเตอร์มาเข้าห้อง แต่ช่างเดินย้อนเป็นอ่านยี่ห้อสายไล่จากเต้าเสียบตัวเมียในห้องฟังไปยังมิเตอร์ (จะเดินตามหรือเดินย้อนอย่าดูที่เขาสกรีนหรือมีลูกศรมา ต้องตัดตัวอย่างมาฟังทดสอบก่อนเสมอ)

การเดินสายไฟ AC ของห้อง(หรือแม้แต่สายไฟACที่มากับเครื่อง) ถ้าผิด เสียงจะแบน อั้น เร่งไม่ขึ้น จะถูกกดระดับเสียงไว้ที่ระดับหนึ่ง ทุกชิ้นดนตรีในวง นักร้อง อาจจะวิ่งออกมาหาเราได้ แต่จะถูกกักไว้ที่เส้นตรงระยะหนึ่ง ไม่มีชิ้นไหนก้าวล้ำพ้นจากแนวเส้นตรงนั้นได้ (เหมือนมีกระจกใสกั้นขวางอยู่)

  • INTERCONNECT),สายลำโพง,สายภาพ (ที่มีผลต่อเสียงด้วยเช่นกัน!),สายดิจิตอล ล้วนมีอาการเดียวกันถ้าเดินผิดทิศ
  1. ยกสายไฟ สายลำโพง สูงหนีพื้นห้อง( แม้จะเป็นพื้นปูน ปูพรม เพราะในปูนมีเส้นเหล็ก มันเหนี่ยวนำกับเส้นแรงแม่เหล็กจากหม้อแปลงไฟของเครื่อง ทำให้เสียงบาง,จม,ขาดมวล,ขาดน้ำหนัก เหมือนไม่ดัง)
  2. หลีกเลี่ยงสายลำโพง,สายเสียง บางยี่ห้อ (ขนาดว่าดังระดับโลก,ราคาแพงลิบลิ่ว) ที่บั่นทอนมวลเสียง,เนื้อเสียง(HARMONICS) ทำให้เสียงบาง มีแต่หัวโน้ต ขาดน้ำหนัก เหมือนแอมป์ไม่มีพลัง (จะหายไปเยอะเลย)
  3. หัวปลั๊กสายไฟAC ตัวผู้ ต้องเสียบที่เต้าเสียบให้แน่นที่สุด ไม่หลวมคลอน ขาของหัวเสียบตัวผู้นี้ถ้าเป็นขากลม เสียงจะอิ่มแน่น มีมิติดีกว่าขาแบน
  4. สายไฟAC ดีๆ (ทำจากตัวนำคุณภาพสูง มีขนาดเหมาะสม ทิศทางถูกต้อง) จะช่วยให้ เสียงอิ่ม มีพลัง ดังขึ้นได้มากอย่างที่คุณนึกไม่ถึงทีเดียว
  5. หัวแจ๊คเสียบของสายลำโพงแบบบานาน่า จะให้เสียงอิ่ม,ดัง,นิ่ง,มีไดนามิกดีกว่าแบบปลอกสายแยงรูหรือแบบหางปลา และควรเลือกหัวที่มีคุณภาพดีด้วย
  6. ปลายสายลำโพงที่อยู่ในตู้ลำโพง ไม่ว่าด้านที่เสียบเข้าดอกลำโพง หรือปลายสายด้านเสียบกับแผงวงจรแบ่งความถี่เสียงหรือแผงขั้วรับสายลำโพงหลังตู้ลำโพง ปลายสาย เหล่านี้มักมีตัวเสียบรูปตัวยู (U) แบนๆอัดยึดอยู่ ให้ตัดตัวยูออกแล้วบัดกรี(ตะกั่วเงิน)เข้ากับขั้วรับโดยตรง(กับดอกลำโพงแหลมต้องมีฝีมือหน่อย อย่าแช่หัวแร้งนานเกิน 5 – 8 วินาที เดี๋ยววอยส์คอยล์เสียได้)

       เช่นเดียวกัน แยกสายลำโพงในตู้ลำโพงที่เข้าดอกลำโพงแต่ละดอกให้ห่างจากกัน ไม่แตะต้องและมัดอยู่ด้วยกัน (ทุกๆ ช่วงของสายเลย)

การทำตามข้อ 7 นี้เสียงจะกระเด็นเป็นเม็ด, หลุดลอยออกมา, ดังขึ้น, โฟกัสนิ่งขึ้น, ไดนามิกดีขึ้น ดังขึ้นได้ถึง 1 dB ทีเดียว ถือว่าเยอะ

  1. ถ้ามีฝีมือแน่จริง หาแผงไม้มาแทนแผงวงจรแบ่งเสียง แล้วเดินสายลำโพงหรือเชื่อมขาอุปกรณ์แต่ละตัวบนแผงวงจรนี้ ขาถึงขาเลย โดยตัดลายแผงวงจรไม่ใช้(เรียกเดินแบบใช้สายเชื่อมหรือขาถึงขา) เสียงจะดังขึ้นได้ไม่ต่ำกว่า 1 dB (ทิศทางสายก็ต้องฟังทดสอบด้วย แม้ว่าจะสั้นๆแค่ 1 ซ.ม.!)
  2. เอียงลำโพงหันเข้ามายังตำแหน่งนั่งฟัง ให้เสียงตั้งฉากจากตู้ซ้ายกับตู้ขวามาตัดอยู่ข้างหน้าเรา ห่างไปประมาณ 50 ซ.ม. เสียงจะเป็นตัวตนมีน้ำหนัก มีมวลขึ้น ตื้น-ลึกขึ้น
  3. อย่าได้คิดจะอาศัยเสียงก้อง ,สะท้อนจากห้องมาช่วยเพิ่มความดัง ไม่ว่าจะหันลำโพงเข้าฝา วางลำโพงเข้ามุมห้อง ติดเพดาน วางบนพื้น เพราะวิธีอาศัยตัวห้องมาขยายเสียง จะได้แต่ความดังขึ้นอันอื้ออึง ไม่ได้ศัพท์ ไม่เป็นตัวตน มั่วฟุ้งไปหมด หาเสน่ห์ความน่าฟังอะไรไม่ได้
  4. เอาหน้ากากลำโพงออก เสียงจะ “หลุดตู้”มากขึ้นเหมือนดังขึ้น
  5. ฟังทดสอบทิศทางขาปลั๊กไฟAC ตัวผู้(ลองสลับดู) เลือกที่ได้มิติเสียงคมชัด เป็นตัวตน ไม่เอียงข้างหนึ่ง เมื่อเสียงโฟกัส เป็นตัวตนชัดขึ้น บรรยากาศโอบตัวเราดีขึ้น เราจะ “รู้สึก” เสมือนดังขึ้นเอง
  6. สายเสียง,ซ้าย-ขวา ห้ามแตะกัน สายลำโพงก็เช่นกัน อีกทั้งซ้ายกับขวาต้องทิศทางถูกต้อง(ฟังทดสอบ)เหมือนๆกัน อะไรที่เป็นตัวตน โฟกัสขึ้นจะเหมือนดังขึ้น

(ความดัง มี 2 นัยสำคัญ ดังจากระดับเสียง กับ ดังด้วยความรู้สึก ประมวลผลของสมอง(ไซโครอคูสติก))

  1. แถวๆลำโพงไม่ว่าด้านข้างหรือตรงกลางระหว่างลำโพงซ้ายกับขวาอย่าให้มีโต๊ะวาง,หิ้ง,ชั้นวาง,กล่องใดๆที่จะสะท้อนก้องเสียง(CAVITY) มันจะดึงให้เสียงกด จม ไม่หลุดลอยออกมา ฟังแล้วเหมือนอั้น ตื้อ เร่งไม่ขึ้น( กรณีนำตู้ลำโพงไปใส่ไว้ในตู้โชว์ เป็นตู้ซ้อนตู้ก็เช่นกันห้ามเด็ดชาด
  2. ถ้าเครื่องเสียงนั้นควบคุมด้วยรีโมทได้ ให้หลีกเลี่ยง การใช้รีโมททำให้เสียงแบน เบลอ จม ไม่ว่ารีโมทของเครื่องเอง หรือ รีโมทด้วย IPAD,มือถือ(โหลด APPฝังไว้)  ให้ลองหาผ้าดำขยุ้มหนาๆเป็นก้อนมาปิดบังช่องรับรีโมทดู หลายๆเครื่องทำแล้ว เสียงหลุดลอยออกมาเป็นตัวตนดีขึ้น เสมือนดังขึ้น
  3. ถ้าขยันและพอจะมีฝีมือ ให้เปิดเครื่องแยกสายต่างๆภายในที่มัดรวมกันอยู่ แยกถ่าง คลี่ให้สายแตะกันน้อยที่สุด ยกสายสูงหนีตัวถังเครื่อง สายแบบที่หักศอกก็พยายามดัดให้โค้งมน ฟังทดสอบทิศทาง เส้นฟิวส์ภายใน,ภายนอกเครื่อง เอาฝาครอบเครื่องออก (ถ้าทำได้และไม่มีปัญหาเด็กเอามือแหย่) เสียงจะเป็นตัวตน ไดนามิคจะดีขึ้น ทรวดทรงดีขึ้น หลุดกระเด็นลอยออกมามากขึ้น ความกังวานดีขึ้น โฟกัสขึ้น หัวโน้ตคมชัดมีรายละเอียดดีขึ้น(หรือ IMPACT การกระแทกกระทั้น) ดีขึ้น เหมือนดีขึ้น หนักแน่นขึ้น
  4. อย่าวางเครื่องทับซ้อนกัน เสียงจะอั้น,กด,จม,คลุมเครือ,เหมือนค่อยลง
  5. แยกจอ LCD, เครื่องเล่น CD (DVD/BLURAY/MEDIA BOX) ให้ห่างจากเครื่องขยาย ยิ่งเครื่องเล่นCD ไฮเอนด์ที่ใช้วงจรUPSAMPLE สูงๆ จะแผ่คลื่นขยะความถี่สูงไปป่วนภาคขยายให้เสียงวอกแวก,ฟุ้ง,คลุมเครือ,บาง,ขาดมวลและน้ำหนัก เหมือนดังดี มิติดี 5 – 10 วินาทีหลังจากกดเล่น (PLAY) แล้วก็เบลอตลอด เช่นเดียวกันในห้องฟังต้องไม่มี PC, LCD, มือถือ, WIFI, นาฬิกา ควอตซ์,โน้ตบุ๊ก,IPAD,จะผลเสียอย่างเดียวกัน
  6. เวลาฟังเพลงจากแผ่นไหน ให้ลองสลับขั้วสายลำโพงบวก,ลบ ด้านหลังแอมป์ด้านเดียว (ลำโพงไม่ต้อง) สลับทั้งซีกซ้ายกับขวาพร้อมๆกัน(เรียกลองกลับ ABSOLUTE PHASE)

ฟังดูว่า สลับบวกเป็นลบ หรือลบเป็นบวกแล้ว อย่างไหนเสียงหลุดกระเด็น ลอยออกมาหาเรามากกว่ากัน ก็เลือกแบบนั้น (เฉพาะกับแผ่นนั้น แต่ถ้าแผ่นอื่นๆ ต้องลองทดสอบฟังดูใหม่ แผ่นรวมฮิตจากหลายๆอัลบั้มคงต้องทำใจ) ทำเช่นว่านี้ เพื่อให้กรวยลำโพงขยับดันอากาศมาหาเราอย่างถูกต้องที่ควรจะเป็น เพราะถ้ามันดันสวน ยิ่งเราเร่งความดันมันยิ่งดันอากาศเข้าตู้ลำโพง ยิ่งอู้ อื้ออึง เหมือนเร่งไม่ขึ้น

กรณีลำโพงแบบไบ-ไวร์และเราใช้สายลำโพง 2 ชุด ถ้าฟังแล้วทะแม่งๆ เสียงแบน,จม,ไม่ว่ากลับขั้ว ABSOLUTE PHASE ที่หลังแอมป์อย่างไร ก็เป็นไปได้ว่าดอกลำโพงแหลมกับดอกลำโพง กลางทุ้ม (กรณีลำโพง 2 ทาง) เขาทำมากลับเฟสกัน หายใจ (ดันอากาศ) สวนทางกันเอง ก็ให้สลับบวก, ลบที่หลังตู้ลำโพง(สลับชุดแหลมหรือชุดทุ้ม) ให้ตามอีกดอกที่สลับถูกต้องอยู่ เสียงจะเป็นตัวตนขึ้น เหมือนดังขึ้น

  1. กรณีเล่นระบบเสียงเซอราวด์ มีความเป็นไปได้สูงมากที่ลำโพงเซ็นเตอร์,ลำโพงชุดหน้า,ลำโพงชุดหลัง,ลำโพงซับ หายใจคนละทิศกันอยู่ (กับเรื่องเดียวกันนั้น) ต้องลองสลับไล่ฟังทีละชุด(ฟังเซ็นเตอร์,ฟังคู่หน้า,คู่หน้า+หลัง,บวกซับ)  การที่ลำโพงขยับดันอากาศสวนทิศกันเองในระบบ จะทำให้เสียงแบนติดจอ ไม่มีรูปทรง ไม่กระเด็นหลุดลอยออกมา ขาดน้ำหนัก,พลัง เหมือนเร่งความดังไม่ขึ้น (ยิ่งซับยิ่งเห็นผลมาก)
  2. เป็นความเข้าใจผิดว่า เพาเวอร์แอมป์ A ดังกว่าเพาเวอร์แอมป์ B  ทั้งๆที่ ทั้งA และ B ระบุกำลังขับต่อเนื่อง (CONTINUOUS POWER) เท่าๆ กัน (ที่ 8 โอห์มเหมือนกัน) เพียงเพราะเพาเวอร์แอมป์ A มีความไวต่ำกว่า ( SENSITIVITY ต่ำกว่า ) คือแทนที่จะต้องป้อนด้วยสัญญาณขาเข้า 1 โวลต์ จึงจะได้กำลังขับตามที่สเปคระบุ (เครื่อง B) แต่ A กลับป้อนแค่ 0.5 โวลต์ (เครื่องเดียว) ก็ได้กำลังขับตามที่ระบุไว้แล้วเมื่อป้อนด้วยปรีแอมป์ตัวเดียวกัน เร่งวอลลูมเท่าๆกัน แน่นอนว่าเพาเวอร์แอมป์ A ต้องส่งเสียงได้ดังกว่าเพราะขณะนั้นมันสวิงกำลังขับได้สูงกว่า B แต่ไม่ได้หมายความว่า A จะมีกำลังขับ  มากกว่าที่ระบุไว้ได้ เพราะเมื่อป้อนสัญญาณเข้าให้  A ถึง 0.5 โวลต์เมื่อไร มันก็ให้พลังได้สุดแล้ว ถึงเร่งกว่านั้นกำลังขับก็ไม่มากขึ้น มีแต่ว่าเสียงอ้วน,อวบ,อื้อ,อั้น,ตื้อๆขึ้น เนื่องจากภาคขาเข้าอิ่มตัว สำลักจนยอดคลื่นที่ส่งต่อไปให้ภาคอื่นหัวขาด(มน)หมดแล้ว ขณะที่ B ยังรับได้ จนเมื่อเร่งวอลลูมออกถึง 1 โวลต์  Bก็จะให้กำลังขับเท่ากับ A ได้เช่นกัน

       บางครั้งถ้าเพาเวอร์แอมป์ปรับความไวขาเข้าได้ ผู้ติดตั้งอาจปรับความไวขาเข้าต่ำเกินไปกว่าที่ควร เร่งวอลลูมที่ปรีหน่อยเสียงก็อื้ออึงดังลั่นไปหมด ก็อาจทำให้เข้าใจผิดว่า A มีกำลังขับมากกว่า B (ที่สเปคระบุกำลังขับเท่ากัน) ได้

       ต้องสมดุลสัญญาณขาออกจากปรีกับความไวขาข้าวของเพาเวอร์แอมป์ให้ดีๆลงตัวที่สุด(MATCH) เพื่อให้ได้ทั้ง “สุ่มเสียง” และ “มิติเสียง,ทรวดทรงเสียง”ที่ถูกต้องที่สุด ถ้าทำถูกต้องจะเหมือนเสียง “ดัง”ขึ้นได้เช่นกัน

www.maitreeav.com

www.maitreeav.com
สำนักงาน : 313/129 ซ. เคหะร่มเกล้า 64 แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ 10520
โทร. 081-5500269 , 099-569-6459