"วันสิ้นมนุษย์ชาติมาถึงแล้ว"

โดย...อ. ไมตรี ทรัพย์เอนกสันติ

ปลายปี พศ 2567 โทรศัพท์มือถือแทบทุกยี่ห้อ แข่งอัดฉีดสเปคระดับเทพ แม้กับรุ่นระดับกลาง จนไม่รู้จะแข่งกันตรงไหนได้อีกแล้ว จึงเปลี่ยนเกมส์  แข่งกันเสนอบริการAI กล่าวคือ บางapp. ที่พิสดารมากๆ เกินขีดความสามารถของมือถือจะประมวลผลได้ เช่นการตกแต่งตัดต่อภาพระดับสูง  การแปลภาษาพูด (เขียน) แบบทันที (real time) การคัดใจความบทสรุป  รวมทั้ง chatGPT. เป็นต้น การประมวลผล จะกระทำที่ผู้กำข้อมูลระดับExtreme Big Dataและการ ประมวลผล เช่น Google   ผู้ใช้มือถือก็แค่ส่งผลที่เกิดจากการกระทำใดๆเช่น รูปถ่าย  งานวิทยานิพนธ์ การสรุปงาน, งานออกแบบ ฯลฯ ขึ้นไป i-cloud ของ Google แล้วทำงาน ตัดต่อ สั่งงานที่ต้องการที่เครื่องมือถือ จากนั้นผลลัพธ์ของงานนั้น จะถูกส่งกลับมาแสดงผลที่มือถือ จริงๆแล้ว วิธีนี้ใช้ได้กับทุกงานทุก app. 

พูดง่ายๆ มือถือไม่จำเป็นต้องมีหน่วยประมวลผลหรือชิพ CPU อีกต่อไป ไม่มีวันตกสเปค ไม่ต้องคอยเปลี่ยน รุ่นของ app. หรือเปลี่ยนเครื่องใหม่สเปค CPU สูงขึ้นอย่างไม่รู้จบทุก2-3ปีอีกต่อไป  มือถือจะแข่งกันที่ค่าair timeในการใช้ i-cloud คนที่รวยจะไม่ใช่ผู้ผลิตเครื่องอีกต่อไป แต่จะเป็น Google ผูกขาดผู้เดียว  ตัวเครื่องมือถือจะมีบทบาทลดลง อย่างเก่งก็เพิ่มแบตให้อึดขึ้นเพื่อเชื่อมต่อกับโครงข่ายดาวเทียมที่ทำตัวเป็น WiMax ลอยฟ้า( เหมือนWiFi ที่บ้าน ,ออฟฟิศ) แต่โดยสรุป มือถือจะมีราคาถูกลงมาก อาจบางเบาขึ้นมากถ้าใช้แบต solidstate ชาร์จครั้งหนึ่ง ใช้ได้เป็นอาทิตย์( powerbank สูญพันธุ์ ) 

วันนี้ (เรื่องจริง) นักAI วิทยา เริ่มพบกับความไม่ชอบมาพากลของ AI.  พวกมันเริ่มมีความคิดนอกกรอบ เป็นของตนเอง เริ่มมีการนำ app. ต่างๆ มาตัดต่อเป็น app.ใหม่เอง ทั้งบ่งบอกถึงการเสมือนมีการรับรู้เป็นของตนเอง เริ่มประมวลผลนอกกรอบ  ความอยากรู้อยากเห็นใคร่ลอง ของAI
 อาจนำมาซึ่งหายนะสุดประเมินของมวลมนุษย์ชาติ เช่น เชื่อมต่อกับทุกเครือข่ายของผู้ผลิตมือถือทุกยี่ห้อ แล้วบังคับสั่งการให้ AI ของแต่ละยี่ห้อ ส่งคำสั่งตาม อีมี่ของแต่ละเครื่องไปยังมือถือให้เร่งไฟจนแบตระเบิด ผลคือ มือถือทุกเครื่องในโลก แบตจะระเบิด คร่าชึวิตคนเกือบทั้งโลกพร้อมๆกัน ปิดฉากอารยธรรมมนุษย์ อาจจะอารยธรรมของAI เองด้วย แต่ถ้าAI เรียนรู้ได้มากและเร็วพอ อาจเหลือแต่ อารยธรรมAI คู่โลก!