|
หมวดหมู่ > บทความ > เครื่องเสียงบ้าน >
เกิดอะไรขึ้น กับวงการเครื่องเสียงและภาพ ใน 50 ปีที่ผ่านมา
วันที่ : 28/12/2024
" เกิดอะไรขึ้น กับวงการเครื่องเสียงและภาพ ใน 50 ปีที่ผ่านมา " โดย...อ. ไมตรี ทรัพย์เอนกสันติ เมื่อ40 -50 ปีที่แล้ว เป็นยุคที่เศรษฐกิจโลกกำลังเติบโตเบ่งบานไปทุกประเทศ โดยเฉพาะ ทางยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุโรปเฟื่องฟูอุตสาหกรรมเครื่องจักร รถยนต์ การสื่อสาร สินค้าหรู อเมริกาเฟื่องฟูเรื่องการเงิน เคมี ยา ญี่ปุ่นเฟื่องฟูเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องเสียงและภาพ พูดง่ายๆว่า ถ้าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ เครื่องมือช่าง เครื่องเสียงและภาพค่ายยุโรปไม่ไหว ทางเลือกเดียวคือ ค่ายญี่ปุ่น ทำให้เครื่องเสียงและภาพ ค่ายญึ่ปุ่นเติบโตและคึกคักที่สุดในโลก (ยังไม่มีค่ายเกาหลี จีน ) เรียกว่า ทั้งเครื่องเสียงไฮเอนด์ ไล่ลงมาระดับนักเล่นทั่วไป ถึงนักเล่นมินิคอมโป วิทยุกระเป๋าหิ้ว กระเป๋าแบก วิทยุเทปพกพา ทีวีจอแก้ว14-33 นิ้ว เสร็จญื่ปุ่นหมด นอกจากพวกโปรเจค เตอร์ยกให้ทางค่ายอเมริกา ยุโรป เมื่อเศรษฐกิจโลกรุ่งเรือง โดยเฉพาะทางเอเซีย สินค้าเครื่องเสียงและภาพ ขายดี ก็ทำให้ผู้ผลิตกล้าพัฒนาเทคโนโลยี่ใหม่ๆ ทั้ง วิดีโอเทปไฮไฟ-สเตอริโอ ระบบแผ่นภาพ LD ( เลเซอร์ดิสก์) ต่อด้วยแผ่นภาพVCD และDVD สุดท้ายที่ Bluray disc ระบบเสียง จากแผ่นเสียง เครื่องเล่น พัฒนาเป็นระบบเทปม้วนเปิด (open reel tape) เทป8 แทรก จนถึง เทปคาสเซท ทั้งหมดยังเป็นระบบอนาลอค ต่อด้วย แผ่นCD ซึ่งเปิดศักราชเข้าสู่ระบบดิจิตอล ทั้งเสียง และภาพ เครื่องเสียงยุคแรกๆ ก็จะวนเวียนอยู่กับเทคโนโลยี่และอุปกรณ์เหล่านี้ ตามยุคสมัย สร้างความสำราญให้กับผู้บริโภคที่ติดตามและจดจ้องไล่ล่าเทคโนโลยี่ใหม่ๆ ทั้งเสียงและภาพ อย่างภาพ ก็ไล่ล่าความละเอียดของทีวีและโปรเจเตอร์ เสียงก็ไล่ล่ากำลังขับของแอมป์ที่สูงขึ้นๆ ลำโพงก็ทำเสียงดีเบสครบขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องมีขนาดใหญ่โตเกะกะบ้าน รวมทั้งการนำเสนอระบบเสียงรอบทิศทาง ทั้งการฟังเพลงจากแผ่นเสียง จากเทป 4-8 แทรก จากเทป VHS HIFI จากแผ่น LD VCD DVD, Blueray จอทีวีพัฒนาจากจอแก้ว 14 นิ้ว ใหญ่ขึ้นๆจนถึง 32 นิ้ว แล้วก้าวข้ามไประบบดิจิตอล จอ LCD ไล่ตั้งแต่ 14 , 27 , 32, 47, 50, 60, 77, 83, 85 จนปัจจุบัน 98 นิ้ว โปรเจคเตอร์เอง ก็ เริ่มเสื่อมความนิยมลงเรื่อย ๆ สวนทางกับขนาดของจอ LCD ที่ใหญ่ขี้นทุก 4- 6 เดือน แต่ราคาดิ่งลงอย่างน่ากลัว คาดกันว่า ไม่ช้านี้ จอ micro-LED ที่กำลังถาโถมเข้าสู่วงงานอาชีพ ระดับจอ 200 นิ้วขึ้นไป จะส่งไม้ต่อมาสู่จอแบบเดียวกันแต่จูนภาพให้ใช้ในบ้าน ด้วยราคาที่น่าตะลึง อย่างจอ micro-LED ขนาด 300 นิ้ว( 16:9 ความละเอียด ระดับ P 2.9 ดูใกล้ห่าง 3 เมตร ไม่เห็นเป็นเม็ดแล้ว ) ราคาประมาณ 1.5 ล้านบาท ขณะที่วงการทีวีบ้านปัจจุบัน จอแบบเดียวกัน ขายกันที่ 3 ล้านกว่าบาท จอแค่ 110 นิ้ว จับตาอย่ากระพริบ สิ้นปีหน้า จอ micro -LED บ้าน ระดับความละเอียด ยิ่งขี้นเป็น P 1.9 ขนาด 100 นิ้ว อาจขายกันได้ที่ 3-4 แสนบาท ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 30-35ปีที่แล้ว เกิดกลุ่มพ่อค้าบ่อน้ำมันโลกรวมตัวกัน (OPEC) และบีบราคาน้ำมันขี้นจนประเทศที่กำลังซู่ซ่าเรื่องเศรษฐกิจอู่ฟู่อย่างญี่ปุ่นเอง ดิ่งลงเหวเหมือน ถูกปลดกลางอากาศ จนบริษัทเล็ก ใหญ่ ของญี่ปุ่น เจ้งกันระเนระนาดทั้งประเทศ จนปัจจุบัน ญี่ปุ่นเองก็ยังไม่ฟื้น ยิ่ง 20 ปีมานี้ เจอทั้งเกาหลีใต้ และจีน ผงาดขี้นมาเป็นคู่แข่งโหดอันดับ 1-2 ทำให้เศรษฐกิจของญี่ปุ่น ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี กลายเป็นประเทศที่ GDP ติดลบ และหนี้สาธารณะสูงที่สุดในโลก (แซงหน้าอเมริกา) ทำให้ไม่สงสัยว่า ทำไมวงการเครื่องเสียงและภาพระดับกลางที่ถูกขับเคลื่อนโดยญี่ปุ่นเป็นหลัก จึงพากันเดี้ยง บริษ้ทเครื่องเสียงและภาพชั้นนำแนวหน้าของญี่ปุ่นจึงเจ้งเกือบหมด อีกตัวแปรคือ ระบบการดึงข้อมูล(ภาพ, เพลง) จากอินเตอร์เนท ได้กลัดกร่อนทำลายวงการผลิตและจำหน่ายเครื่องเล่นทั้งแผ่น ภาพ เสียง ทั้งอุปกรณ์และการผลิต และจำหน่ายแผ่นเองจนแทบสูญพันธุ์ แม้แต่นักเล่นหูทองก็ยังหันมาซื้อเครื่องดึงเพลง/ หนัง จากเวบไซด์ ไม่ซื้อแผ่นอีกต่อไป ผสมโรงกับสังคมที่เสพย์ติดโทรมือถือ จะดูหนัง ฟังเพลงเอาง่ายเข้าว่า ดู ฟัง จากมือถือนี่แหละ ง่าย ประหยัด สะดวกดี หาหูฟังดีๆสักตัว เช่น Three Friends 3,900 บาท จบ( ดูทดสอบในเวบนี้) ด้วยสาเหตุเหล่านี้ ทำให้วงการเครื่องเสียงและภาพ มาถึงทางตัน คนรุ่นใหม่เริ่มเมิน วัดได้จากงานเครื่องเสียงและภาพช่วงหลังๆ3 ปีมานี้ กร่อยสนิท คนมาดูไม่ถึง 20 % ของยุคแรกๆเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ไม่เฉพาะแต่ในบ้านเรา ถ้าใครไปเที่ยวงานที่อเมริกา ยุโรป ( หรือ ดูจาก YouTube มีเป็นสิบงานทุกปี) แทบผีหลอก คนออกงานนั่งตบยุงกันแทบทุกห้อง มีแต่ที่จีนที่ประชากร 1,500 ล้านคน ที่พอจะคึกคักในงานอยู่บ้าง www.maitreeav.com |