000
ปรึกษาเครื่องเสียง อจ. ไมตรี โทร 099-569-6459    
 
บอร์ดพูดคุย, ซื้อ-ขายเครื่องเสียง
>> audio-teams.com
>> noom-hifi.com
>> wijitboonchoo.com
>> hifi55.com  
>> sk-audiophile.com
>> htg2.net
นิตยสารเครื่องเสียง
>> what Hi-Fi? Thailand
>> The Wave
>> Audiophile-Videophile
>> gm2000.com
>> The Stereo
ร้านค้าเครื่องเสียง
>> Piyanas Electric
>> KS Sons Group
>> Conice (บ้านทวาทศิน)
>> อัศวโสภณ
>> munkonggadget.com
>> bkkaudio.com
 
ปรับขนาดตัวหนังสือ เช่น 15, 16, 18, 20, + + / ยกเลิกใส่ 0 :

หมวดหมู่ > บทความ > ปกิณกะ > วันนี้คุณถูกสะกดหรือยัง
วันที่ : 27/01/2016
6,435 views

วันนี้คุณถูกสะกดหรือยัง

โดย...อ. ไมตรี ทรัพย์เอนกสันติ

เมื่อ 60 ปีมาแล้วในอเมริกามีการทดลอง “ฝัง” ความคิดหรือข้อมูล ลงในจิตใต้สำนึกของผู้ที่กำลังชมภาพยนตร์การ์ตูนที่สนุกจนเพลิน โดยการแทรก “ภาพ” ข้อความ (เป็นคำถามและคำตอบ) ลงไปชั่วแวบเดียว ซึ่งตามองไม่ทัน แต่จิตใต้สำนึกมองเห็น และจะเห็นชัดมากถ้าจิตสำนึกกำลังเพลินกับการ์ตูนอยู่ (เผลอ) หลังจากนั้นให้ผู้เข้าดูการ์ตูนทั้งหมดทำการตอบคำถาม ปรากฏว่า ทุกคนตอบได้หมดโดยที่ตนเองก็ไม่ทราบว่าทำไมจึงรู้คำตอบได้ มันผุดขึ้นจากหน่วยความจำของจิตใต้สำนึกที่ข้อความถามตอบนั้นถูกฝังรอท่าไว้

                เชื่อกันว่า นับจากนั้นมาได้มีการทดลองดังกล่าวเรื่อยมาในอเมริกา เคยคุยกับบรรณาธิการหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ (เป็นฝรั่ง) เมื่อ 30 กว่าปีมาแล้ว เขายอมรับว่า มีจริง มีการทดลองประจำที่มลรัฐยูทาห์ เชื่อกันว่า ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของอเมริกา มีการนำเทคนิคนี้มา “สะกดจิต” ให้ประชาชนเลือกผู้ที่ถูกวางไว้แล้ว

                เมื่อ 30 ปีมาแล้ว วัยรุ่นสาวชาวญี่ปุ่นกระโดดตึกฆ่าตัวตายพร้อมกันหลายคนจนเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลก หลังจากได้เล่นเกมส์แรกนาร็อก ซึ่งเต็มไปด้วยโทนสีแดง เป็นไปได้ไหมว่า มีการฝัง “คำสั่งให้กระโดด” ไว้ล่วงหน้าลงในจิตใต้สำนึกไว้ก่อน และให้ปฏิบัติเมื่อได้เห็นเกมส์นั้น

                เช่นเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญด้านเกมส์ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมผู้เล่นเกมส์ที่เป็นสาวกของแต่ละค่ายเกมส์ (นินเทนโด ซีกา เพลย์สเตชัน ฯลฯ) จึงแทบไม่มีการย้ายฝั่งกันเลย ทั้งๆ ที่ลูกเล่นเกมส์แทบไม่ทิ้งกันในแต่ละค่าย เป็นไปได้ไหมที่มีการ “ฝัง” ความรู้สึกที่ไม่ดี (เป็นลบ) ต่อค่ายคู่แข่งเอาไว้กับทุกเกมส์ของแต่ละค่าย

                องค์กรรัฐบาลญี่ปุ่นที่สนับสนุนการส่งออก (MITI) จะให้งบประมาณสนับสนุนแก่บริษัทญี่ปุ่นดังๆ ที่ขึ้นป้ายคัตเอาต์ขนาดใหญ่ริมถนนในต่างประเทศ นอกจากเหตุผลอื่นๆ แล้ว เหตุผลที่ไม่พูดถึงอีกข้อน่าจะเป็นเพราะจากการวิจัยพบว่า ข้อความต่างๆ (รูปภาพ) บนป้ายจะถูก “ฝังฉีด” ลงสู่จิตใต้สำนึกของผู้ขับรถผ่านไปผ่านมา แม้พวกเขาจะไม่ได้ตั้งใจมองป้ายเหล่านั้น มันฝังเข้าไปโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว เข้าทางของเทคนิคการฝังผ่านจอเช่นกัน อย่าลืมว่า ทุกครั้งที่ผู้ขับรถรับรู้ได้ว่าเห็นป้าย “สินค้าญี่ปุ่น” (โดยถูกฝังยิงเข้าไปแบบไม่รู้ตัว) มันก็คือ “การล้างสมอง” ว่าสินค้าญี่ปุ่น ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เป็นเลิศไม่มีใครสู้ได้

                ญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกในโลกที่มีการขึ้นโลโก้เครื่องหมายสินค้าของผลิตภัณฑ์เครื่องเสียงและภาพ ปรากฏบนจอก่อนทุกครั้งที่เปิดเครื่อง แน่ใจหรือว่า ในชั่วเสี้ยววินาที จะไม่มีการ “ฝังความเชื่อมั่นในสินค้าตรายี่ห้อนั้น” แทรกมากับโลโก้สินค้าด้วย คิดดูว่า ทุกครั้งที่เปิดใช้เครื่องก็จะถูก “ล้างสมอง” ให้ซื่อสัตย์ภักดีต่อสินค้ายี่ห้อนั้นๆ ทุกวัน

                ปัจจุบันมีการพัฒนาเทคนิคนี้ออกไปอีกให้แยบยลยิ่งขึ้น เช่น การโหมโฆษณาเครื่องดื่มของตนโดยภาพยนตร์โฆษณาถ่ายทำแข่งบอลอย่างดุเดือดผสมกับโฆษณาสินค้าทำล่วงหน้าเป็นเดือนทุกสื่อ (รวมทีวี) จากนั้นพอถึงวันถ่ายทอดสดจริงก็เชิญชวนให้ชมโดยอ้าง (ทวงบุญคุณ) ว่าปลอดโฆษณา เพื่อทำให้คนดูปล่อยใจและเพลินที่สุด (ไม่ต้องกังวลว่าจะมีโฆษณาแทรกช็อตเด็ดให้เสียอารมณ์) วิธีนี้ เหมือนยิงทีเดียวได้นก 3 ตัว ตัวที่ 1 โฆษณาก่อนมีการแข่ง ตัวที่ 2 ขณะแข่งจริงน่าจะมีการแอบ “ฝังความคิด” ลงไปในจิตใต้สำนึกดังกล่าวแล้ว ตัวที่ 3 เป็นการได้ใจจากผู้ชมว่าเครื่องดื่มยี่ห้อนี้ใจสปอร์ตให้ชมฟรีๆ

                ย้อนกลับมาดูการนำเทคนิค “ฝังความคิด” นี้มาใช้ในการเมือง (ถือว่าเป็นการตลาดการเมือง) ในบ้านเรา แน่ใจหรือว่า จะไม่มีการนำมาใช้ สังเกตไหมว่า มีรถโมบายจอทีวี LCD ขนาดใหญ่จอดฝังตัวอยู่ทั่วกรุง (ตอนนี้ระบาดไปติดบนตึกแล้ว) มีการพยายามออกอากาศทีวีดาวเทียมไปทั่วประเทศ สังเกตไหมว่าทำไมคนไทยจึงแตกแยกแบ่งแยกสีกันอย่างสุดขั้ว กว้างขวางอย่างรวดเร็วแบบไม่เคยมีมาก่อน แล้วลองไปคุยกับแต่ละขั้วสี เราจะพบว่า มีทัศนคติต่างกันสุดขั้วอย่างไม่มีทางปรองดองกันได้เลย เพราะไม่มีใครฟังใครทั้งนั้น เป็นไปได้ไหมว่า มีการนำเทคนิค “ฝังล้างสมอง” มาใช้กันในทุกๆ ขั้ว โดยเฉพาะผ่านทางสื่อทีวีทุกจอ ที่คุณจะพบได้ตามรถไฟฟ้า สถานีรถไฟฟ้า เวลาคุยกับคนเหล่านี้เป็นซอมบี้หรือหุ่นยนต์ไปแล้ว เรื่องการปรองดองจึงเป็นแค่ถ่มน้ำลายขึ้นอากาศให้ตกลงมารดหน้าคนเสนอเท่านั้น ไม่สงสัยเลยว่า ทำไมเขมรแดงจึงต้องฆ่าคนเป็นล้าน เป็นไปได้ไหมว่า คนเหล่านั้นถูกอเมริกันล้างสมองจนดึงกลับมาไม่ได้อีกแล้ว อยู่ไปก็เป็นเสี้ยนหนามจึงต้องกำจัดทิ้ง (จริงๆ แล้วตอนเข้าค่ายธรรมะทำการสมถะกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน เชื่อว่าจะล้าง “คำสั่ง” ที่ถูกฝังได้)

                ยิ่งใครควบคุมฮับหรือจุดแห่งการกระจายข้อมูลข่าวสารทางภาพ เช่น ดาวเทียมสื่อสารที่ทุกๆ คนต้องถ่ายทอดผ่านก่อนยิงไปออกอากาศ ย่อมไม่ยากที่จะแอบใส่ “การฝัง” ความคิดอะไรก็ได้ลงไปกับทุกๆ ช่องทีวีที่มาใช้บริการ ไม่ว่า ฟรีทีวี เคเบิลทีวี ยิ่งถ้าดาวเทียม ฮับเป็นของชาวต่างชาติด้วย ยิ่งน่ากลัวมาก ไม่เข้าใจว่าการทหารบ้านเราทำไมถึงคิดไม่ออกในอันตรายนี้

                เช่นเดียวกัน ในระบบอินเตอร์เน็ต พวกที่แสดงตนว่าเป็นเว็บหนังให้โหลดฟรี (เว็บผี) ซึ่งมีอยู่หลายแห่งมาก ไม่มีใครฉุกคิดบ้างหรือว่า จริงๆ มันไม่ใช่เว็บผีหรอก หากแต่มีการเสียลิขสิทธิ์ถูกต้องแหละ แต่มีการหาโฆษณาจากสินค้า นักการเมือง ฯลฯ โดยวิธีการแอบ “ฝัง” ความคิดดังกล่าวแล้วลงไปในหนังที่โหลดด้วย

                ซึ่งตรงนี้ น่าจะรวมพวกเว็บสารานุกรมฟรีอย่างวิกิพีเดียซึ่งให้ความรู้ดีมาก แต่แน่ใจหรือว่า เขาจะไม่ใช้วิธี “ฝังโฆษณา” ดังกล่าวแล้ว ไม่อย่างนั้นจะเอาค่าใช้จ่ายมหาศาลมาจากไหน (บางครั้งขึ้นขอเงินบริจาคสนับสนุน นั่นก็อาจแค่ทำบังหน้าความจริงเท่านั้น) เชื่อเถิด ของฟรีไม่มีในโลก

                เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ชวนให้ระแวงว่า ถ้าเสิร์ชเอนจิ้นดังๆ อย่างไปดู (จีน) กูเกิล ยาฮู เอ็มเอสเอ็น เล่นเกมส์ “ฝัง” ด้วย จะเกิดอะไรขึ้น คลิปโฆษณาที่แวบขึ้นมาให้เราเห็น ก็เป็นแค่การอำพรางของจริงเท่านั้น

                อีกกรณีคือ ทำไมแอปเปิลจึงทำยอดขายได้มากขึ้นๆ อย่างถล่มทลายและรวดเร็วจนแซงชาวบ้านขาใหญ่ไปหมด แน่ใจหรือว่า แอปเปิลจะไม่มีการ “ฝัง” คำสั่ง ให้ภักดีต่อแอปเปิลไว้ในทุกผลิตภัณฑ์ที่แสดงภาพได้ของเขา

                ทำไมมือถือบางยี่ห้อมาทีหลังจึงแซงขาใหญ่ในตลาดอย่างโนเกียแบบไม่น่าเป็นไปได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการ “ฝัง” คำสั่งภักดีไว้ให้ปรากฏสู่จิตใต้สำนึกถี่ๆ ขณะเปิดจอใช้งานหรือไม่

                สิ่งที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดของเกมส์ฝังหุ่นนี้คือ ถ้าทุกค่ายสินค้าไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ไหน หันมา “ชกใต้เข็มขัด” ด้วยการแค้นฝังหุ่นอย่างนี้ จะเกิดอะไรขึ้นกับผู้บริโภค

                จิตใต้สำนึกของผู้บริโภค (ที่เสพสื่อเป็นประจำ) จะเต็มไปด้วย “คำสั่งฝังหุ่น” มีทั้งโดด เดี่ยว และเป็นสินค้าคู่แข่งกันเอง (คือฝังทั้งคู่) ทั้งสินค้าอุปโภคบริโภคและความเชื่อ ความเชื่อทางศาสนาและการเมือง ฯลฯ จิตใต้สำนึกนั้นจะหนักอึ้ง รกไปหมด ขยะเต็มไปหมด สับสน ไม่รู้จะเชื่อคำสั่งไหนดี จนวันดีคืนดี มันอาจระเบิดออกมาเป็นการระบายและแสดงออกที่น่ากลัว เช่น มือปืนบุกกราดยิงเด็กนักเรียนในห้องเรียน ในรถไฟฟ้า การลอบวางระเบิด การทารุณกรรม ฯลฯ ลองคิดดูว่า ถ้าเหยื่อที่อัดแน่นในจิตใต้สำนึกด้วยการถูก “ฝังหุ่น” เกิดสติแตกและระบายแสดงออกด้วยการขาดความยั้งคิด เช่น ขับรถพุ่งชนบุคคลสำคัญ บุกเข้าประกบยิงผู้นำ นักการเมือง เผาโรงพยาบาลกลาง ปิดวาล์วน้ำของระบบระบายความร้อนเตาปฏิกรณ์ปรมาณู (โรงไฟฟ้านิวเคลียร์) แกล้งสับรางให้รถไฟหัวจรวดพุ่งชนกันเองทุกเส้นทาง ขับเรือบินจารกรรม (stealth) พุ่งชนตึกเพนตากอน หรือรัฐสภาที่กำลังมีประชุม ปาเชื้อโรคระบาดเข้าไปในรัฐสภาที่นักการเมืองน้ำเน่ากำลังแบ่งเค้กในสภา ฆ่าลูกฆ่าเมีย หรือพ่อแม่ ฆ่าตัวตาย (ทั้งเดี่ยวและหมู่) ฯลฯ

                ที่พูดมานี้ ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ เทคนิคนี้จะทำให้นักการตลาดบนดิน ชกเหนือเข็มขัด ตกม้าตาย หรืองงเป็นไก่ตาแตกกับการพลิกล็อค ถ้านักการตลาดนั้นไม่ตระหนักถึงเกมส์วูดูนี้ ต่อให้จบสูงมาจากไหนก็ตาม

                รัฐบาลต้องลงมาดูแลทำทุกอย่างให้โปร่งใส เข้าตรวจสอบการนำเทคนิคนี้มาใช้ (โดยการทำวงจรเปรียบเทียบภาพ 2 กรอบที่ติดๆ กันตลอดเวลา เมื่อมีกรอบภาพที่ตัวภาพผิดไปทันที ก็จะแช่กรอบภาพนั้นไว้ และขึ้นสัญญาณเตือน เรียก pattern recognition) แต่เชื่อว่า คงไม่มีรัฐบาลไหนใส่ใจเพราะตัวเองก็เล่นอยู่ พวกเราผู้บริโภคจะรักษาตัวเองอย่างไร ข้อแรกต้องเลิกดูจอทีวีต่างๆ ทั้งตามริมถนน ในรถไฟฟ้า ตามตึก ในห้าง แม้แต่ทีวีปกติที่บ้าน (ใช้ติดตามข่าวจากหนังสือพิมพ์แทน) ใช้คอมฯ ให้น้อยที่สุด เลิกโหลดหนังฟรีตามเว็บไซต์ หรือแอพลิเคชันฟรี (จริงๆ ไม่ฟรีดังกล่าวมาแล้ว) เลิกเล่นวิดีโอเกมส์ อย่าดูหนังในโรงที่ฉายด้วยระบบวิดีโอ (ฟิล์มยังอาจไม่ทำเพราะมีหลักฐานจับผิดได้)

                ที่ดีที่สุดคือ ศึกษาธรรมะให้แจ่มแจ้ง ศึกษาวิปัสสนากรรมฐาน (ระวังสถานปฏิบัติธรรมบางแห่งล่อให้มานั่งสมาธิภาวนาแบบสมถะกรรมฐานเพื่อให้ติดญาณ 2 จากนั้นจะเกลี้ยกล่อมให้บริจาคจนหมดตัว)

                หมายเหตุ ข่าวหนุ่มนอร์เวย์กราดกระสุนยิงถล่มชาวบ้านตายเกือบ 20 ศพ (กรกฎาคม 2554) คงบอกอะไรบางอย่างแก่เรา หรือข่าวล่าสุดเมื่อต้นสิงหาคม 2554 ก็มีอีกรายแล้ว เชื่อว่า เราจะได้ยินข่าวทำนองนี้มากขึ้น ถี่ขึ้น ให้จับตาดูว่า ประเทศไหนที่ประชาชนพับเพียบเรียบร้อยต่อรัฐบาลเผด็จการ หรือประเทศไหนมีกรณีแบบหนุ่มนอร์เวย์บ่อย ก็จงรู้ไว้ว่า มีการใช้เทคนิค “ฝัง” สะกดวิญญาณแน่นอน  

www.maitreeav.com

www.maitreeav.com
สำนักงาน : 313/129 ซ. เคหะร่มเกล้า 64 แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ 10520
โทร. 081-5500269 , 099-569-6459