" ฟังทดสอบ ด้วยหนังหรือฟังเพลงดี "

โดย...อ. ไมตรี ทรัพย์เอนกสันติ

จริงหรือที่การฟังทดสอบเครื่องเสียง ต้องฟังจากเพลง อย่างเดียว ไม่ว่า จากจานเสียง( วันคืนเก่าๆ) ,  เทปม้วนเปิด(มาสเตอร์ขี้ลลคุยทั้งหลาย) , CD /SACD/Hires Sound..  อย่างเดียว

จริงๆ แล้ว สิ่งที่น่าใช้ทดสอบที่สุดกลับเป็น "  เสียงหนัง" !( ที่บันทึกมาดีๆ)

เหตุผล
1.  จะมีภาพฟ้องว่า เป็นเสียงอะไร อารมณ์อย่างไร บรรยากาศแบบไหน สิ่งแวดล้อมอย่างไร ทำกิจกรรมอะไรกันอยู่
2.  การสวิงเสียงดัง-ค่อย ละเอียดและกว้างสุด ตั้งแต่เสียงหายใจ กระซิบ จนถึงเสียงถล่มทะลาย แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิดกีกก้อง
เครื่องบินทิ้งระเบิด รถชนกันสนั่นจอ  การฟังจากเพลงเทียบไม่ได้เลย
3.  รูปลักษ์ ขนาด ตำแหน่งภาพฟ้องอย่างโจ่งแจ้ง ไม่ต้องมามัวจินตนาการ เดา กันไปมา รวมทั้งบรรยากาศในเหตุ การณ์  มันฟ้องและตีแผ่ทุกกรณีไม่ต้องมานั่งจินตนาการเอาอย่างการฟังเพลง 
4.  การตอบสนองช้า-เร็วความฉับไว ทันทีทันได การฟังจากเพลงไม่มีทางสู้หรือฟ้อง ได้ทุกกรณื
5.  เครื่องเสียง อุปกรณ์เสริมใด ถ้า " ดีพอ แน่จริง" รวมทั้งการติดตั้ง จูนชุดถ้าระดับเทพจริง จะสามารถให้เสียงรอบทิศ (sorround) ได้ แม้ฟังจากสเตอริโอ 2CH  ปกติ (ถ้าหนังเรื่องนั้นบันทึกมาดี) ตรงนี้ เพลงที่จะบันทึกได้ขนาดนี้มีน้อยมากๆ

จากเหตุผลทั้ง5ข้อนี้ ทำให้ทุกครั้งที่ดูหนังจบ จะหันกลับไปฟังเพลงจาก CD เกิดอาการ  "จืดสนิท"  ทั้ง ตื้อ,อั้น ,หุบ,อึดอัดเหลือทน

นี่คือเหตุผลที่ การเอาลำโพง ชุด ฟังเพลงต่อให้ฟังเพราะ มีเสน่ห์ ชวนเคลิบเคลิ้มแค่ไหน แพงลิบแค่ไหน ถ้าไม่แน่จริง(ซึ่งหาแน่ยากมากๆ) พอเอาไปดูหนัง ตกม้าตายหมด   อย่าลืมว่า แนวโน้มการเล่นเครื่องเสียงของคนรุ่นใหม่ 70% ไว้ดูหนัง ฟังคอนเสิร์ท  YouTube แค่30% เท่านั้นที่ฟังเพลงอย่างเดียว

เพราะฉะนั้น ความเป็นนักดนตรี จึงไม่ได้เป็นหลักประกันว่า เขาจะต้องเป็นนักฟังเครื่องเสียงที่เก่งเสมอไป รวมทั้งนักฟังรุ่นปู่ รุ่นพ่อ เพราะพวกเขามักเน้นแต่ฟังเพลง เคยชินและ อิงกับอารมณ์เดิมในอดึตที่คับแคบ