000
ปรึกษาเครื่องเสียง อจ. ไมตรี โทร 099-569-6459    
 
บอร์ดพูดคุย, ซื้อ-ขายเครื่องเสียง
>> audio-teams.com
>> noom-hifi.com
>> wijitboonchoo.com
>> hifi55.com  
>> sk-audiophile.com
>> htg2.net
นิตยสารเครื่องเสียง
>> what Hi-Fi? Thailand
>> The Wave
>> Audiophile-Videophile
>> gm2000.com
>> The Stereo
ร้านค้าเครื่องเสียง
>> Piyanas Electric
>> KS Sons Group
>> Conice (บ้านทวาทศิน)
>> อัศวโสภณ
>> munkonggadget.com
>> bkkaudio.com
 
ปรับขนาดตัวหนังสือ เช่น 15, 16, 18, 20, + + / ยกเลิกใส่ 0 :

หมวดหมู่ > เครื่องเสียงรถยนต์ > บทความเครื่องเสียงรถยนต์ > ร้านติดตั้งระดับเทพจะอยู่ได้อย่างไร
วันที่ : 26/04/2016
10,538 views

ร้านติดตั้งระดับเทพจะอยู่ได้อย่างไร

โดย...อ. ไมตรี ทรัพย์เอนกสันติ

ทำไม รถบางคันติดเครื่องเสียงมาแค่หมื่นกว่าบาทหรือ 2หมื่นกว่าบาท จึงให้เสียงและบรรยากาศ ความน่าฟัง ดีกว่าบางคันที่ติดมาเป็นแสนหรือหลายแสนบาท

          ทำไม รถที่เข้าแข่งประกวดเครื่องเสียงรถยนต์ ทั้งแง่คุณภาพเสียง และแง่พลังเสียงจึงกินขาด รถที่ติดออกมาใช้งานจริงๆจากร้านเดียวกัน

          ทำไม บางร้านที่เคยโด่งดังคับฟ้าลูกค้าล้นหลาม ปัจจุบันกลับเงียบหายไปจนลืมไปแล้วว่ามีตัวตนอยู่

          ทำไม บางร้านชื่อเสียงเรื่องฝีมือโด่งดัง แชมป์ก็เคยได้แต่ปัจจุบันเจ๊งไปแล้ว

          ทำไม วงการเครื่องเสียงรถยนต์จริงๆ (ไม่นับระบบ MULTIMEDIA) ทั่วโลกจึงนับวันเดี้ยงลง ทั้งผู้อยู่ในธุรกิจโดยตรงและสื่อเอง

          เกิดอะไรขึ้นกับวงการนี้ เรากำลังเดินผิดทางกันหรือเปล่า ทำไมบางคนอยู่ได้และโตวันโตคืน ขณะที่หลายคนต้องล้มหายตายจาก บางคนงานล้นร้าน บางคนนั่งตบยุงทั้งวัน บ้างเหมือนเติบโตแต่เป็นการโตที่ยั่งยืนได้จริงหรือ บางติดตั้งอย่างเนี๊ยบเก็บทุกรายละเอียดผลงานออกมาระดับเทพ แต่สถานการณ์ก็ไม่ดีขึ้น จนหลายร้านต้องเปลี่ยนแนว ติดตั้งและขายแบบเอาปริมาณเข้าว่าเพื่อความอยู่รอด

          เกือบ 30 ปี ที่ผมคลุกคลีอยู่ในวงการเครื่องเสียงรถยนต์ได้เห็นการเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปของร้านติดตั้งร้านแล้วร้านเล่ารวมทั้งผู้นำเข้าที่ล้มหายตายจากไปก็มากพร้อมกับรายใหม่ที่เข้ามาอย่างหมูไม่กลัวน้ำร้อน

          วงการนี้ดูเผินๆเหมือนทำธุรกิจได้ไม่ยาก เริ่มไม่ยากมีโอกาสสร้างกำไรได้ดี และดูเหมือนจะรวยได้ แต่เมื่อเข้ามาแล้วจึงจะรู้ว่า มันมีเงื่อนไขเยอะมากที่จะต้องฝ่าฟันและเงื่อนไขที่เป็นกุญแจแห่งความอยู่รอดที่สำคัญที่สุดคือ

จะอยู่อย่างเทพ หรือจะอยู่อย่างนักหมุนเงินรายวัน รวยแต่เปลือก

          ในการติดตั้งเครื่องเสียงให้ได้คุณภาพงานออกมาเต็มร้อยหรือเกินร้อยนั้นต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ,ทักษะ,ประสบการณ์ที่รู้จริง,รู้ลึก ต้องเป็นนักฟังระดับเซียน ต้องมีความอดทนเป็นเลิศ สิ่งเหล่านี้นำไปสู่เงื่อนไขด้านเวลา ใช่....คุณต้องมีเวลาให้แก่เครื่องเสียง มันต้องอยู่ในสายเลือดและทุกลมหายใจ ต้องศึกษาพัฒนาค้นคว้าไม่อยู่นิ่งและที่สำคัญที่สุด ต้องมีลุกค้าบ้าพอที่จะเล่นกับคุณ บ้าพอที่จะทิ้งรถไว้ให้คุณติดตั้งเป็นหลายๆวันขณะที่ร้านทั่วไปแค่ 3 – 6 ชั่วโมง และยินดีจ่ายค่าติดตั้งเพิ่มขึ้นมากพอสมควร ขณะที่ที่อื่นค่าติดตั้งฟรี

          การต้องใช้เวลาติดตั้งนานมากหมายถึง รายจ่ายที่ทับถมทวีคูณ โดยทั่วไปค่าติดตั้งเพิ่มขึ้นที่ได้จากลูกค้า มักไม่ค่อยคุ้มกับการเสียเวลาและแรงงาน ซึ่งลูกค้าอาจมองไม่ออกจนกว่าจะยอมเสียเวลาคลุกอยู่กับร้านเหมือนเป็นช่างคนหนึ่ง ลูกค้าหลายคนเมื่อจบงานถึงกลับยินดีทิปเพิ่มให้แก่ช่างหรือร้าน 30 ถึง 50 % ของค่าติดตั้งที่ตกลงกันบางคนส่ายหัว บอกว่า “จ้างผมเท่าไรผมก็ไม่ทำบ้าเลือดขนาดนี้”

ร้านที่ติดตั้งระดับเทพมาจากไหน

          จากประสบการณ์ของผม เกือบทั้งหมดมาจากผู้บริโภคเองที่ผิดหวังหรือสิ้นหวัง หรือเคียดแค้นกับการถูกหลอกจากร้านติดตั้งมาก่อน กว่าครึ่งเป็นนักเล่นเครื่องเสียงบ้านมาก่อนและรู้ว่าเสียงที่ดีเป็นอย่างไร พวกเขาเกิดความสรสารต่อผู้บริโภคด้วยกันที่ถูกหลอกและอยากทำอะไรดีๆให้แก่วงการ พวกนี้เริ่มด้วยอุดมคติ ทัศนคติที่ดี มีคุณธรรม แต่น่าเสียดาย หลังจากพวกเขาเปิดร้านทำธุรกิจได้สัก 6 เดือนหรือปีหนึ่ง พวกเขาพบว่า มันอยู่ยากด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้

  1. เมื่อติดตั้งระดับเทพ ก็ต้องเสียเวลาติดตั้งมาก เดือนๆรับลูกค้าไม่ได้มากพอที่จะมีกำไรมาจ่ายค่าเช่าร้าน,ค่าดอกเบี้ยเงินกู้มาลงทุน,ค่าน้ำค่าไฟ,เงินเดือนตนเองและลูกน้อง
  2. ด้วยยอดจำหน่ายที่ต่ำ ไม่สามารถโฆษณา หรือทำกิจกรรมประชาสัมพันธ์ได้เต็มที่ ผู้นำเข้า-เจ้าของสินค้าก็มักมองไม่ขึ้นเพราะยอดสั่งที่ต่ำ จึงไม่ได้รับแรงสนับสนุนด้านการประชาสัมพันธ์จากผู้นำเข้า ไม่ว่าการโฆษณาหรือการออกงานกิจกกรม
  3. ด้วยยอดขายที่ต่ำจึงไม่สามารถสั่งสินค้าทีละมากๆได้ ต้นทุนจึงสูงกว่าร้านที่ขายลูกเดียว ไม่สนใจฝีมือ คุณภาพการติดตั้ง
  4. ความที่เป็นเด็กรุ่นใหม่ไฟแรง อุดมคติแก่กล้า แต่มักขาดประสบการณ์การทำธุรกิจส่วนตัวมาก่อน หรือ ขาดผู้สนับสนุน ไม่มีสายป่าน จึงมักอดทนอยู่ได้ไม่นาน ในที่สุดต้องเลือก 1 ใน 2 แนวทางคือ ขายลูกเดียว ติดตั้งชุ่ยๆอย่างชาวบ้าน หรือ เลิกกิจการไป (ส่วนมากจะเลือกเดินอย่างหลังมากกว่า)

คำถามก็คือ “จะทำอย่างไรให้ร้านที่ติดตั้งระดับเทพอยู่ได้”

  1. เนื่องจากรถแต่ละคันต้องใช้เวลาติดตั้งนานมาก อย่างชุดไฮเพาเวอร์ (วิทยุ 1 เครื่อง,ลำโพง 1 คู่)ปกติใช้เวลา 3 – 6 ชั่วโมง (แล้วแต่รถถอดง่ายหรือยาก) ร้านระดับเทพเก็บทุกเม็ดอาจต้องใช้เวลาถึง 3 วัน (ประมาณ 24 ชั่วโมง) ทำให้การหมุนเวียนของลุกค้ามีน้อยกว่าปกติถึง 4 เท่า ค่าติดตั้งจึงควรเป็น 4 เท่าจากปกติชุดไฮเพาเวอร์ ติดตั้งดีหน่อยค่าติดตั้งประมาณ 1,000 – 2,000 บาทก็ต้องคิดอย่างน้อย 4,000 – 8,000 บาท (แต่เชื่อเถอะว่า เจ้าของรถสุดคุ้มเพราะชุดนี้ออกมาสมมุติค่าของรวมเบ็ดเสร็จ 20,000 – 30,000 บาทแต่คุณภาพที่ได้จะกินขาดชุดที่ติดตั้งมา 60,000 – 100,000 บาทที่ได้ขยะเต็มรถแต่เสียงฟังไม่ได้)
  2. เนื่องจากหมุนเวียนลูกค้าได้ช้า จึงต้องลดค่าใช้จ่ายลงให้มากที่สุด หรือติดแบบเทพแต่ย่นเวลาลงมาให้มากที่สุด (อาจจะบอกลุกค้าว่า 3 วันแต่จริงๆทำแค่ 2 วัน) โดยการทำเป็นระบบ KNOCK DOWN กล่าวคือเตรียมชุด ไว้เลย แบบเป็นชุดคิทตัดสายต่างๆเตรียมไว้หมด (ระบุทิศทางไว้เสร็จ เพื่อไม่ต้องเสียเวลามานั่งลองฟัง) รวมทั้งทิศทางเส้นฟิวส์ต่างๆ ฟังทดสอบแก้ไขทิศทางอุปกรณ์บนแผงวงจรแบ่งเสียงของลำโพงและเฟสลำโพงไว้ล่วงหน้า ตีแผงเตรียมไว้หมด ไม่ว่าแผงประตูหรือแผงหลังเต็มสูตร แผงปิดบ่อยางอะไหล่ ตัดแผ่นปะกันสะเทือนเตรียมไว้ หุ้มสายเตรียมไว้ อาจจัดเป็นชุดของรถแต่ละยี่ห้อแต่ละรุ่นที่เป็นรุ่นยอดนิยม (ตรงนี้คงต้องมีการลงทุนสต๊อกไว้จะเหมาะกับร้านใหญ่ที่มีทุน หรือ แยกแผนกเทพไว้ต่างหากจากการติดตั้งปกติ)

ว่าไปแล้ว ถ้ามียี่ปั๊วที่จัดชุดคิทไว้แล้ว (ระดับเทพ) ของแต่ละรุ่นรถ ร้านไหนมีลูกค้าก็โทรศัพท์สั่งให้มาส่งได้เลย ทำได้ก็จะดีมาก ร้านเล็กๆไม่ต้องสต๊อก ไม่ต้องมานั่งทดสอบทดลอง ยี่ปั๊วเองก็หมุนของได้เร็ว เพราะใช้ระบบกระจายส่งไปตามร้านติดตั้งต่างๆ( คอยดูเดี๋ยวต้องมีคนยุให้ไมตรีทำแน่ เพราะประสบการณ์และการฟังระดับเทพแถมคนเชื่อถือ ทุกชุดมีประกาศนียบัตรมีลายเซ็นของไมตรี....อืม! คิดแล้วก็ไม่เลวนะ ทุกคนได้หมด ผู้บริโภคได้ของดี,ชัวร์ ร้านติดตั้งระดับเทพอยู่ได้ ไมตรีมีรายได้ไว้ค้นคว้า ทดสอบ ทดลอง เทคนิคใหม่ๆชุดใหม่ๆ!)

  1. เมื่อรอบหมุนเวียนลูกค้าไม่มาก ร้านติดตั้งระดับเทพจึงต้องประหยัดที่สุดโดยการ
  1. ใช้บ้านอยู่อาศัยของตนเอง เช่น ทาวน์เฮาส์,ตึกแถวเป็นที่ติดตั้ง
  2. ไม่สต๊อกสินค้าหรือสต๊อกน้อยที่สุด ใช้ขอแบ่งซื้อจากร้านเพื่อนๆกัน อาจแพงกว่าราคาส่งทีละเยอะๆอยู่บ้าง แต่ก็ลดภาระดอกเบี้ยและภาระสินค้าค้างสต๊อก
  3. จับมือกับร้านติดตั้งระดับเทพลักษณะเดียวกันนี้หลายร้านเพื่อแชร์สต๊อกกัน ช่วยเหลือ แลกเปลี่ยนความรู้กันเพราะร้านติดตั้งระดับเทพเกือบทั้งหมดจะเป็นผู้ที่รักเครื่องเสียง ไม่เขี้ยวแบบพ่อค้า 100%  อีกทั้งการติดตั้งระดับเทพไม่มีวันโกยลูกค้าได้เยอะๆอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นตรงกันท่ากันเอง เพราะลำพังก็ติดไม่ไหวอยู่แล้ว
  4. ติดต่อกับตัวแทนสินค้า ของราคาสินค้าถูกพิเศษกว่าปกติแม้ซื้อน้อย คือถูกกว่าราคาส่ง (ทีละเยอะๆ) รวมทั้งลดเป้าแล้ว โดยอธิบายให้ผู้นำเข้าเจ้าของสินค้าเข้าใจว่านี่คือ “หน้าตา” ของสินค้าคุณ ซึ่งคุณเอาไว้โปรโมทให้ร้านติดตั้งอื่นๆมาดู มาฟัง เพื่อตัดสินใจสั่งสินค้าเข้าร้านได้ง่ายขึ้นเหมือนเป็นการทำการตลาดอย่างหนึ่ง อีกทั้งร้านติดตั้งระดับเทพมักเป็นร้านเล็กๆโนเนม ยอดขายต่ำ ไม่น่าจะมีผลต่อระบบขายส่ง ในส่วนอื่นๆได้ อีกทั้งร้านระดับเทพยังเอาไว้โชว์ออกงาน ออกแข่ง ให้เจ้าของสินค้าได้ด้วย
  5. ร้านระดับเทพต้องจับมือกัน สร้างเครือข่ายเป็นหนึ่งเดียว เพื่อลงขันกันทำประชาสัมพันธ์ร่วมกัน เป็นการลดรายจ่ายได้อย่างมหาศาล
  6. อาจต้องมีหน่วยงาน องค์กรที่เชื่อถือได้ ในการมอบประกาศนียบัตร หรือทำป้ายรับรองให้ทางร้าน แต่ผู้รับรองจะต้องเป็นที่เคารพ เชื่อถือของวงการจริงๆ

ถามว่าจริงๆแล้วร้านระดับเทพจะอยู่ได้ไหม

          ตอบ : คิดเอาง่ายๆสมมุติคุณตกงาน จากเงินเดือนเฉลี่ย 12,000 – 20,000 บาท ถ้าคุณผันตัวเองมารับติดตั้งแบบเทพ (ขอเน้นนะครับว่า ต้องระดับเทพจริงๆเท่านั้น จึงจะอยู่รอดอยู่ได้ ถ้าระดับปกติพื้นๆคุณจะไม่มีทางสู้ร้านใหญ่ๆได้เลย)ดีกว่า 3 วันต่อ 1 คัน คิดเฉพาะค่าติดตั้ง 3 วัน 5,000 บาทเดือนหนึ่งก็ 50,000 บาทแล้ว ไม่รวมทิปเมื่อลูกค้าพึงพอใจ ส่วนกำไรของก็เป็นค่าใช้จ่าย,ค่าแรงช่าง,ค่าแรงตัวเอง ถ้าเป็นไบ-แอมป์ 5 วันก็ 12,000 บาท ไม่ได้ๆก็ 72,000 บาทต่อเดือน คันหนึ่งใช้ช่าง 1 คน,คุณ 1 คน ถ้ามีช่างสัก 4 คน ก็รับงานได้ 2 เท่า เดือนหนึ่งกำไรหักค่าใช้จ่ายก็ต้องมี 100,000 -144,000 บาท นี่คือ เงินเก็บนะครับ ยิ่งถ้ามีระบบยี่ปั๊วส่งชุดคิทให้ก็อาจหมุนรอบได้เร็วกว่านี้

          มีข้อคิดที่อาจนึกไม่ถึงกันคือ ลูกค้าประเภทเข้าร้านเทพมักเป็นลูกค้าที่บาดเจ็บมาจากร้านอื่นๆ หรือเป็นนักเล่นเครื่องเสียง ลูกค้าพวกนี้จะมีความจริงใจสูงมาก ถ้าติดตั้งให้เขาถูกใจได้ ศรัทราได้ ต่อไปคุณจะแนะนำอะไรเขาๆก็ต้องเชื่อและคุณก็ทำให้ดีขึ้นได้จริงจึงเป็นลูกค้าที่ “ผูกพัน” กินกันไม่รู้จบได้ พูดง่ายๆว่าคบกันเป็นเพื่อนไปแล้ว แน่นอนว่า ร้านระดับเทพนี้เถ้าแก่ลงมามุดรถเอง ติดตั้งเอง เผลอๆลูกค้านั่นแหละขอลงมาร่วมแจมด้วย เพราะสนุกและได้ความรู้ด้วย มันเป็นธุรกิจที่อบอุ่น สนุก มีความสุข ได้เพื่อน ได้เงิน

ทำไมร้านติดตั้งใหญ่ๆจึงยากที่จะติดตั้งระดับเทพ

          ผมเชื่อว่าทุกคนอยากเป็นคนดี อยากทำของดี ขายของดี บริการดีๆ แต่เงื่อนไขและสิ่งแวดล้อมต่างกัน ร้านใหญ่จะเติบโตใหญ่ได้ ต้องทำยอดขายได้เยอะมากๆเพื่อแบกภาระค่าใช้จ่ายที่สูงลิบลิ่วเป็น 10 – 20 เท่าของร้านเทพเล็กๆ (ONE MAN SHOW) ไม่มีทางเลยที่จะมามัวประดิษฐ์ประดอย ไฮเพาเวอร์คันหนึ่งติด 3 – 4 วันอย่างนั้น แค่คิดก็เจ๊งแล้ว แค่ติดอย่างได้มาตรฐานก็น่าพอใจแล้ว เพราะการติดตั้งแบบเทพ เราหมายถึงได้เกิน 100% ของอุปกรณ์ที่ทำมา (เพราะมีการนำ อุปกรณ์นั้นๆมาฟังตรวจสอบความถูกต้องและแก้ไขจนดีกว่าที่ทำมาจากโรงงานเองด้วยซ้ำ)

          ถ้าร้านใหญ่อยาก “สร้างชื่อ” ก็คงต้องแยกแผนกเทพออกไปต่างหากเช่น ถ้าปกติขายของรวมค่าติดตั้ง ถ้าจะเอาระดับเทพก็จะมีช่างอีกทีมที่ “เก็บทุกเม็ด” และลูกค้าต้องยินดีจ่ายค่าติดตั้งต่างหากอย่างร้านเทพเล็กๆ และมีเวลาทิ้งรถเป็นวันๆ เป็นอาทิตย์

          ถามว่าจะมีร้านใหญ่สักกี่แห่งสนใจทำแผนกเทพเพราะมันทำกำไร ทำยอดขายได้น้อยกว่าการติดตั้งปกติพอสมควร นอกจากร้านใหญ่นั้นต้องการใช้แผนกเทพเป็นตัวค้นคว้าพัฒนาการติดตั้ง เพื่อถ่ายทอดมาสู่แผนกติดตั้งปกติ อาจไม่เต็มร้อย แต่ก็ดีกว่าไม่มีการพัฒนา เพื่อหนีร้านคู่แข่ง อีกทั้งเอาไว้เป็นหน้าตาของร้านในการออกโชว์และการเข้าแข่งต่างๆ

          จุดมุ่งหมายการติดตั้งระดับเทพจึงต่างกันกับร้านติดตั้งระดับเทพเล็กๆ ร้านเล็กเพื่อความอยู่รอด ร้านใหญ่เพื่อหวังผลด้านการตลาด

          อีกรูปแบบของการทำร้านติดตั้งที่น่าสนใจและเปิดโอกาสให้ธุรกิจการติดตั้งระดับเทพคือ “ร้านตัดผม”

          นายกมลเปิดร้านขายเครื่องเสียงรถยนต์ใหญ่ ด้านหน้าเป็นโชว์รูม มีสารพัดยี่ห้อ พร้อมห้องทดลองฟัง 3 ห้อง ห้องรับแขกใหญ่ 1 ห้อง ห้องน้ำชาย 6 ห้อง แยกที่ปัสสาวะ 6 ชุด ห้องน้ำหญิง 8 ห้อง ห้องเตรียมอาหาร 1 ห้อง ห้องประชุม 1 ห้อง ห้องคุยธุรกิจ 1 ห้องใหญ่ ห้องสต๊อกขนาดใหญ่ 2 ห้อง ห้องซ่อมใหญ่ 1 ห้อง ห้องพักผ่อน 1 ห้อง ทั้งหมดอยู่ตึกด้านหน้าริมถนน

          ด้านหลังที่เป็นโครงสร้างเดียวกันกับตึกหน้า จะเป็นตึกยาวตลอดไป ด้านหลัง 2 แถวซ้าย,ขวา แต่ละแถวซอยเป็น 5 คูหา มีกำแพงกั้น แต่ละคูหาหน้ากว้าง 4 เมตร เพดานสูง 4 เมตร โปร่ง ลมพัดผ่านได้ดี มีกังหันลมดูดลมลงมาด้านล่าง ด้านโล่งสำหรับงานติดตั้ง 2 ส่วน อีก 1 ส่วนด้านหลังเป็นห้องเก็บของและห้องพักผ่อนกับห้องน้ำช่าง 2 ห้อง พร้อมที่ล้างมือและห้องอาบน้ำ แยกมิเตอร์น้ำ,ไฟต่างหากจากตึกใหญ่

          นั่นหมายความว่า จะมีคูหาย่อยแถวละ 5 คูหา 2 แถวก็ 10 คูหา

          นายกมลให้ผู้ที่อยากทำธุรกิจติดตั้งเครื่องเสียงรถยนต์ จะจะดับเทพหรือระดับมาตรฐานปกติ มาเช่าใช้แต่ละคูหาเป็นร้านติดตั้ง หาช่างมาเอง บริหารเอง เก็บเงินเอง แต่มีข้อแม้ว่า ต้องอุดหนุนผลิตภัณฑ์,อุปกรณ์ในการติดตั้งต่างๆจากตึกหน้าของนายกมล โดยนายกมลขายให้ในราคาส่งปกติ

          นายกมลจะรับผิดชอบในส่วนต้อนรับและบริการลูกค้า ห้องฟัง ห้องพักผ่อน ห้องน้ำ และอื่นๆ พร้อมกับมีการประชุมสัมมนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆและเทคนิคการติดตั้งใหม่ๆรวมทั้งการประชาสัมพันธ์ร้านเรียกลูกค้า

          รายได้ของนายกมลจึงมาจากค่าเช่าเป็นหลักและส่วนต่างราคาส่งปกติกับราคาส่งแบบซื้อเยอะ รวมทั้งเป้าปลายปีทั้งหลาย

          ในส่วนของผู้ร่วมทำธุรกิจแต่ละคูหา จะได้ค่าติดตั้งโดยใช้ทุนในการดำเนินธุรกิจต่ำกว่าเปิดร้านเองมาก แทบจะเรียกได้ว่า มาแต่ตัวกับลูกน้อง 1 คน มีฝีมือทั้งคู่ ก็รับติดตั้งได้แล้ว

          แต่ละคูหาก็เลือกเอาเองว่าจะติดแบบเทพ ( เน้นค่าติดตั้งเป็นหลัก ) หรือติดแบบมาตรฐาน (กำไรจากค่าของกับค่าติดตั้งนิดหน่อยหรือไม่มีเลย) แต่เอาจำนวนเข้าว่า

          ลูกค้ามาก็เวียนใช้บริการแต่ละคูหา ตามคิว เหมือนเราไปร้านตัดผมในครั้งแรก ต่อไปลูกค้าคนไหนติดใจใคร คูหาไหน ก็จะเจาะจงไปได้ไม่ต้องตามคิว แต่ละคูหาก็ต้องบริการดี ผูกใจลูกค้าให้ได้

          นายกมลต้องคอยดูแลความสงบเรียบร้อย ยุติธรรม ให้ทุกคูหาอยู่ได้ ใครลูกค้าน้อยก็เรียกมาสอบถามว่า บกพร่องตรงไหน มีจุดโหว่อย่างไรเรียกว่า ช่วยเหลือกันเหมือนลงเรือลำเดียวกัน

รูปแบบโครงสร้างอย่างนี้มีข้อดีแก่ทุกฝ่าย

  1. นายกมลซื้อสินค้าแบบทำยอดได้ ได้ราคาพิเศษ ได้รับการบริการดีพิเศษจากผู้นำเข้า มีปัญหาก็คุยกันง่ายกว่าคน 2 คนรับติดตั้งที่บ้านของตนแน่
  2. มีกำลังในการประชาสัมพันธ์,โฆษณาเรียกลูกค้าและเป็นข้อดึงดูดและจุดเด่นอย่างมากในเชิงธุรกิจ เหมือนผู้บริโภคมีร้านอาหารให้เลือกถึง 10 ร้านในที่เดียวกัน ซึ่งในเชิงธุรกิจ “ที่บ้าน” แบบช่าง 2 คนทำกันเอง จะมีปัญญาอะไรจ่ายค่าโฆษณาต่างๆหรือฝากข่าวต่างๆ
  3. เนื่องจากค่าโสหุ้ยของแต่ละคูหาจะต่ำมาก ทำให้คูหาที่อยากยึดแนวทางติดอย่างเทพคือตั้งใจกินไกล มั่นคง ยั่งยืน จึงอยู่ได้สบาย และมีโอกาสดีกว่าการติดอย่างเทพที่บ้านตัวเองแน่ๆ
  4. นายกมลอาจแยกส่วนรับบริการรับตีแผง,หล่อไฟเบอร์ ให้แก่ทุกคูหาทำให้สามารถลงทุนกับเครื่องมือที่ทันสมัยได้ผลงานจะออกมาดีกว่า วัสดุสิ้นเปลืองเหลือทิ้งจะน้อยกว่า ต้นทุนต่อชิ้นจะถูกกว่า แต่ละคูหานั่งเลื่อย นั่งปั้นกันเอง
  5. เป็นการทำธุรกิจแบบทุกคนได้ ทุกคนชนะ (WIN WIN) ยังเหลือร้านติดตั้งระดับเทพที่ได้มาตรฐานไว้บริการผู้บริโภค ไม่ล้มหายตายจากลงทุกวัน หรือหายากเย็นอย่างทุกวันนี้

สรุป      นี่ไม่ใช่ความฝันที่ฟุ้งซ่าน เพ้อเจ้อ แต่เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ อยู่ที่ว่า ใครจะมองออกและรู้จักชิงโอกาสก่อนกันเท่านั้น

www.maitreeav.com

www.maitreeav.com
สำนักงาน : 313/129 ซ. เคหะร่มเกล้า 64 แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ 10520
โทร. 081-5500269 , 099-569-6459