จะซื้อเสียง หรือ อะหลั่ย

โดย...อ. ไมตรี ทรัพย์เอนกสันติ

เมื่อร่วม 30 ปี มาแล้ว ผมไปดูงาน CES ที่อเมริกา ในห้องแสดงสินค้าหนึ่ง มีกระดาษถ่ายสำเนาขาวดำวางอยู่ 3-4 แผ่น ไม่มีใครนั่งเฝ้าอยู่เลย ผมจึงหยิบขึ้นมาอ่าน เป็นข่าวสินค้าใหม่ออกแบบโดยนาย จอห์น เคิลร์ ปรมาจารย์เครื่องเสียงที่เก่งที่สุดในโลกผู้หนึ่ง ผู้ออกแบบปรีแอมป์ Mark Levinson รุ่นเรือธงแรกสุด LNP-1 ที่กลายเป็นตำนานและมือสองหาไม่ได้เลย

จอห์น พูดถึงตัวกรองไฟที่ก้าวหน้าที่สุดในโลก เขาระบุว่า ไม่มีการใช้ชิ้นส่วนอีเล็คโทรนิคส์ประเภท Reactance ที่เราคุ้นเคยใดๆทั้งสิ้น (พวก ตัวเก็บประจุ, ตัวหม้อแปลงไฟ. ตัวขดลวด) ซึ่งพวกนี้ล้วนทำให้เกิดปัญหา Phase shift คลื่นแรงดันไฟ มาช้า เร็ว ต่างกันเมื่อต่างความถี่ เกิดการหน่วงอั้น ตื้อ เสียงไม่อิสระ ไม่บริสุทธ่์จริง สมัยนั้นผมอ่านแล้วก็งง ตกลงมันใช้ระบบ หลักการอะไรกันแน่ พลิกดูด้านหลังก็ไม่มีอะไร ด้านหน้าก็บอกสั้นๆแค่ 4-5 บรรทัด แค่นั้น ไม่มีรูปใด ๆ ไม่บอกที่ติดต่อด้วย

จากวันนั้น ข่าวนี้ก็เลือนหายไปหลายสิบปี จนประมาณ 10 ปีต่อมา มีตัวกรองไฟ NBS ของอเมริกาออกมา เป็นกล่องเหล็กหนา หนักเอาเรื่อง ชนาดประมาณ กว้าง 1 คืบ ยาว เกือบ 2 คืบ หนา ครึ่งคืบ. ด้านหน้าแคบ(หน้า) มืสายไฟac ขนาดเท่าหัวแม่มือห้อยอยู่ ( เสียบจากไฟบ้านเข้ากล่องนี้ ) ด้านแคบ(หลัง) มีเต้าเสียบ ไฟac ตัวเมีย ( รูเดียว ) เพื่อเอา สายไฟ AC ของเครื่องเสียงมาเสียบ ให้ไฟผ่านกล่องนี้ ราคากล่องนี้ 45,000 บาท (เมื่อ 30ปีมาแล้ว). ทำในอเมริกา (บริษัทนี้ตอนนั้นดังระเบิดเรื่อง สาย) ผมเคยนำ NBS นี้ มาทดสอบ ได้ผลดีขึ้นจริง ทั้งสุ้มเสียง มิติเสียง ประมาณ 20-25 % ซึ่งสมัยนั้นถือว่า ดีเกินตัว ไม่มีใครสู้ได้ จนผมต้องแนะนำให้เพื่อนนักเล่นซื้อไว้ใช้ และเขาก็มีความสุข มันปรับปรุงเสียงชุดเขา 3 ล้านกว่าบาท ให้ดีขึ้นได้ 25 % ซึ่งเกินคุ้มมากๆ จ่ายค่าตัวNBS แค่ 1 % กว่าๆกับการดีขึ้นขนาดนี้ ต่อมาเพื่อนคนนี้ ไปซื้อตัวกรองไฟระดับตำนาน ACCUPHASE PS 500 ราคา 150,000 บาท มาคุม/กรองไฟให้เครื่องเล่น CD ACCUPHASE แยกDAC รุ่นแรกสุดที่กล่อง NBS ต่อใช้อยู่แล้ว ปรากฏว่า ตัวกรองไฟACCUPHASE ใหม่ ช่วยให้เสียง. มิติ ทุกอย่างดีขึ้นได้อีก 10% ซึ่งเพื่อนก็พอใจ. ฟังกัน 2 ชั่วโมง เพื่อนบอกลองเอา NBS. ออก ปรากฏว่า แย่ลง พูดง่ายๆ ก็ยังต้องเอา NBS เอาไว้ สักพักเพื่อนเปรยว่า NBS มันแน่จริงชนาดใช้ตัวกรองไฟระดับโลก ที่ภายในใช้วงจรที่สลับซับซ้อนไฮเทคสุด อุปกรณ์ระดับดีสุดๆ ชิ้นส่วนภายในเพียบพอๆกับอินทริเกรทแอมป์ไฮเอนด์ ดีๆ เครื่องหนึ่ง หนัก 20 กว่ากิโลกรัม (ผมเคยเอาACCUPHASE รุ่นนี้มาทดสอบ ติดใจ จนต้องซื้อไว้ใช้ แต่ตอนหลังต้องจำใจขายออกไป เพราะมันเป็นตัวช่วยมากไปจนอาจทำให้การทดสอบออกมาดีเกินจริง) ถึงนาทีนี้ เพื่อนบอก อยากรู้ว่า ภายใน NBS มันจะมีชิ้นส่วนยั้วเยี้ย วงจร อลังการ ขนาดไหนกัน ขนาดมี ACCUPHASE ช่วยขนาดนี้ ก็ยังขาดมันไม่ได้ เลย( เอาออก แย่ลง10%) เพื่อนเลยให้ผมตัดสติกเกอร์ รับประกันแกะฝาเครื่องออกดู พอเราสองคนเห็นภายในเท่านั้นแหละ อึ้ง ! พูดอะไรไม่ออก ......( เหมือนผีหลอก)

ภายในมีแค่ สายไฟac อย่างดี เส้นเดียว รับไฟจากนอกเครื่องเข้ามาผ่านในเครื่องแล้วไปเต้าเสียบตัวเมียท้ายเครื่องดังกล่าวแล้ว กับวงจรไฟ LEDสีแดงที่คอยติดบอกว่ากล่องเสียบรับไฟนอกอยู่ ..... แค่นั้นจริงๆ. !!! เพื่อนยังมึนๆ งงๆ ผมรีบบอกว่า อย่าคิดมาก.สายไฟเส้นนี้ ปกติ NBS ก็ขายอยู่หมื่นกว่าบาทแล้ว ทุกวันนี้เพื่อนก็ยังใช้อยู่ครบ

คำอธิบาย : นี่คือแนวคิดใหม่ที่ล้ำยุคที่สุด ซึ่งจอห์น เคิลล์เคยอยากนำเสนอต่อวงการ แต่พิจารณาแล้ว คงขายยาก มันละเอียดอ่อนและลึกเกินไป มันเป็นการกลั่นกรองไฟในระดับ โมเลกุล ด้วยวัสดุที่นำมาทำสาย และด้วยรูปแบบโครงสร้างภายในของสายเอง ที่ต้องคัด เลือก ปรับ อย่างถึงที่สุด จากตัวเลือกนับพันๆ ซึ่งหินและโหดมาก เสียทั้งแรงงาน เวลา ของทิ้งเปล่า ที่ผู้ซื้อมองไม่เห็น จอห์น ถึงเลิกล้มถอดใจ ( เพื่อนๆคงเตือน ) มันแย่ตรงที่ ผู้บริโภคยอมจ่ายกับสิ่งที่ ตามองเห็น ยกแล้วหนึกอึ้ง. จนลืมคิดถึงความจริงว่า เครื่องเสียงคือ "งานศิลปอันสูงสุด" ทีต้องใช้หูสัมผัส ไม่ใช่ ตา. น้ำหนัก. ความมากชิ้นส่วน หรือแม้แต่ตัวเทคโนโลยี่เอง และอย่าลืม ยิ่งชิ้นส่วนมากชิ้น วงจรซับซ้อนขนาดไหน ถ้าทำอย่างรู้ไม่จริง สิ่งเหล่านี้ ยิ่งย้อนกลับมาเติมความผิดเพี้ยน บิดเบือน บั่นทอนความบริสุทธิ์ ความสมจริง เราซื้อ...... เสียงสมจริง ไม่ได้ซื้อ....อะหลั่ยอีเลคทรอนิคส์