000
ปรึกษาเครื่องเสียง อจ. ไมตรี โทร 099-569-6459    
 
บอร์ดพูดคุย, ซื้อ-ขายเครื่องเสียง
>> audio-teams.com
>> noom-hifi.com
>> wijitboonchoo.com
>> hifi55.com  
>> sk-audiophile.com
>> htg2.net
นิตยสารเครื่องเสียง
>> what Hi-Fi? Thailand
>> The Wave
>> Audiophile-Videophile
>> gm2000.com
>> The Stereo
ร้านค้าเครื่องเสียง
>> Piyanas Electric
>> KS Sons Group
>> Conice (บ้านทวาทศิน)
>> อัศวโสภณ
>> munkonggadget.com
>> bkkaudio.com
 
ปรับขนาดตัวหนังสือ เช่น 15, 16, 18, 20, + + / ยกเลิกใส่ 0 :

หมวดหมู่ > บทความ > เครื่องเสียงบ้าน > เล่นลำโพงวางพื้นหรือวางหิ้งดี
วันที่ : 18/01/2016
26,308 views

เล่นลำโพงวางพื้นหรือวางหิ้งดี

โดย...อ. ไมตรี ทรัพย์เอนกสันติ

โดยสามัญสำนึก ในการฟังเพลงหรือดูหนังโฮมเธียเตอร์ เรามักเรียกหาลำโพงขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่ขนาดของห้องจะรองรับได้ รวมทั้งงบประมาณจะรับไหว ด้วยเหตุผลง่ายๆคือ

  1. ลำโพงใหญ่ ที่ไม่ใหญ่มโหฬารเช่นลำโพงวางพื้น 2-3 ทาง ดอกลำโพงสัก 6 นิ้ว(ทุ้ม-กลาง) หรือลำโพงวางหิ้ง 6 นิ้ว 2 -3 ทาง น่าจะให้เสียงที่อิ่มแน่นกว่า ทุ้มลงลึกกว่า รับกำลังขับได้มากกว่า เปิดได้ดังกว่า ความไวสูงกว่า เช่น 90 dB SPL/W/M ขึ้นไป
  2. ลำโพงวางหิ้ง ถ้าจะให้ได้เสียงอิ่ม มหึมาอย่างลำโพงวางพื้น มักต้องแลกมาด้วยการกินวัตต์มาก ความไว 86-89 dB SPL/W/M เป็นส่วนใหญ่  อย่าลืมว่าความไวที่ต่างกัน 3 Db  กินวัตต์ต่างกันเป็น 10 เท่า ลำโพงวางหิ้งที่มีขนาดเล็กดอกกลางทุ้มแค่ 4 นิ้ว อาจมีความไวแค่ 84 -85 dB SPL/W/M เท่านั้น ซึ่งถือว่าต่ำมากถ้าไม่ใช่ภาคขยายแบบขยายกระแสหรือมีกำลังสำรองสูงๆ ต่ำกว่า 100 W RMS/CH ที่ 8 โอห์ม ขับกันหืดขึ้นคอทีเดียว

       อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันลำโพงวางพื้นเอง (ในระดับราคาไม่เกิน 100,000 บาท) ถ้าไม่กินวัตต์มากนัก มักให้เสียงทุ้มได้แทบจะไม่ดีไปกว่าลำโพงวางหิ้งที่ออกแบบมาดีๆ ขนาด 6 นิ้ว 2 ทาง  ยิ่งถ้าเป็นวางพื้น 6 นิ้ว 2 ทาง  คาดหวังได้เลยว่าแทบไม่ต่างจากวางหิ้ง 2 ทาง 6 นิ้วเช่นกัน ยี่ห้อเดียวกัน ตระกูลเดียวกัน  วางพื้นอาจให้เบสได้ลงลึกกว่าอีกนิด,กลางโปร่งกว่าอีกหน่อย (ทั้ง 2 อย่างนี้น่าจะดีกว่าวางหิ้งไม่เกิน 5 – 10 % ) แต่เราต้องจ่ายแพงขึ้นอีกมากพอควร กับค่าตู้ ค่าขนส่ง ค่าภาษีที่สูงขึ้นจากฐานราคาโรงงานที่สูงขึ้น จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมจึงมีราคาเกือบ 2 เท่าของวางหิ้ง ทั้งๆ ที่ใช้ดอกเท่ากัน เหมือนกัน

       ในการออกแบบลำโพง เป็นที่ทราบกันดีในหมู่นักออกแบบว่า ลำโพง 2 ทางเป็นการออกแบบที่แม่นยำได้มากที่สุด คาดการณ์ได้และประหยัดที่สุด ยิ่งปัจจุบันดอกลำโพงทำมาได้ดีขึ้นมาก ยิ่งช่วยให้การออกแบบง่ายขึ้น ตรงเป้าหมายที่ต้องการมากขึ้น ช่วยให้ได้เสียงที่ดีเกินตัวยิ่งๆขึ้นไป อะไรที่เคยเป็นจุดอ่อนของลำโพงระบบ 2 ทางเมื่อเทียบกับ 3 ทางก็หมดไป ผู้ออกแบบสามารถออกแบบระบบตู้เบสให้ได้เบสที่อิ่มลึกขึ้นโดยไม่ต้องกลัวว่ากลางจะขุ่น,มัว (เนื่องจากใช้ดอกตัวเดียวกันในการออกทั้ง 2 ช่วงความถี่เสียง) ยอมสูญเสียความไวที่เสียงกลางลงเพื่อดึงเสียงทุ้มให้มากขึ้น โดยชดเชยด้วยดอกลำโพงที่มีความไวสูงขึ้นกว่าในอดีต เมื่อดอกลำโพงทุ้ม - กลางกับดอกแหลมมีคุณภาพดีขึ้นมาก วงจรแบ่งความถี่ก็ยิ่งออกแบบง่าย ใช้ชิ้นส่วนน้อยลงมาก ในอดีตร่วม 30 ปีมาแล้วเราต้องใช้ลำโพง 3 ทางวางพื้นหรือวางหิ้ง แผงวงจรแบ่งเสียงขนาดฝ่ามือ ชิ้นส่วนนับสิบหรือมากกว่าต่อแผง เพื่อให้ได้เสียงแทบไม่ดีกว่าลำโพง 2 ทางวางหิ้งในปัจจุบันที่อาจใช้ชิ้นส่วนในแผงแบ่งเสียงแค่ 2 – 3 ชิ้นเท่านั้น

       จึงไม่แปลกที่ปัจจุบัน ลำโพงที่ขายได้มากที่สุดกลับเป็นลำโพงวางหิ้งกว่า 85 %  นี่ไม่ใช่เรื่องของการกินเนื้อที่มากน้อยกว่ากัน เพราะลำโพงวางหิ้งถ้าจะให้ได้เสียงดีที่สุด ก็ต้องวางบนขาตั้ง หนีกำแพงห้องอยู่ดี กินที่วางพอๆกับลำโพงวางพื้นหากแต่เป็นเรื่องของคุณภาพที่ได้จริงและราคามากกว่า

       เมื่อลำโพงวางหิ้งได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่า เหมาะสมกว่า เข้าท่ากว่าลำโพงวางพื้น สิ่งต่อไปที่ท้าทายลำโพงวางหิ้งเอง ไม่ใช่ลำโพงวางพื้นอีกต่อไป หากแต่เป็นลำโพงวางหิ้งด้วยกันเองนี่แหละ

ทำอย่างไรจะย่อดอกลำโพงกลางทุ้มขนาดนิ้วที่ใช้อยู่ ให้เหลือแค่ 4 นิ้วกับดอกแหลม ใช่แล้ว 4 นี้     ในอดีตเมื่อพูดถึงดอก 4 นิ้วมันเป็นได้แค่ดอกเสียงกลางเท่านั้น ไม่มีความสามารถจะเป็นอะไรได้มากกว่านั้น ดอกเสียงกลางก็จะเป็นแค่กรวยกระดาษเรียบๆง่ายๆ

       ปัจจุบัน อาศัยวัสดุไฮเทคหลากหลายมาทำกรวย,ขอบยางโค้งพิเศษที่ยืดหยุ่นได้มาก ส่วนแขวนลอยใช้วัสดุพิเศษ ระบบแม่เหล็กที่ประสิทธิภาพสูงขึ้นมาก โครงลำโพงอลูมิเนียมหล่อหรือเหล็กหล่อ สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ดอก 4 นิ้วนี้สามารถนำมาออกเสียงไล่ตั้งแต่ทุ้มไปจนถึงกลางสูงได้  อาศัยดอกแหลมมาต่อยอดปลายแหลมอีกนิดเดียวผลคือ เป็นไปได้ที่เราจะทำลำโพงวางหิ้งตู้เล็กๆขนาดพอๆกับกล่องใส่รองเท้าที่ให้ความถี่เสียงได้ตั้งแต่ทุ้มจนถึงแหลมสุด

       มันอาจไม่ใช่ทุ้มที่ตูมตาม,อิ่มแน่น มหึมา แต่ก็เป็นทุ้มที่เกินตัว ถึง เกินตัวมาก  บางคู่ให้ทุ้มได้ดีกว่าวางหิ้ง 6 นิ้ว 2 ทางด้วยซ้ำ เผลอๆดีกว่าลำโพงวางพื้นหลายๆคู่เสียอีก

       ล้อเล่นน่า.......เป็นไปได้อย่างไร?    เป็นไปแล้ว ไม่เชื่อก็ลองฟังลำโพงวางหิ้ง B&W CM-1, PIONEER S-A4 SPT-PM, PROAC ONE SC  หรือแม้แต่ ONKYO SR 4600 และ JPW 320

       ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ ข้อเสียของลำโพงวางหิ้งดอก 4 นิ้วตู้จิ๋วเหล่านี้ก็คือ ราคาที่สูงเอาเรื่อง สูงกว่าลำโพงวางหิ้ง 6 นิ้ว 2 ทางทั่วไปมาก สูงกว่าแม้ลำโพงวางพื้นส่วนใหญ่

       แล้วลำโพงวางหิ้ง 2 ทางดอกกลางทุ้มแค่ 4 นิ้วมหัศจรรย์เหล่านี้มันน่าเล่นตรงไหน   โอเค....เรื่องขนาดที่เล้กกระทัดรัดไม่กินที่ ก็เรื่องหนึ่ง ขนย้ายโยกย้ายสะดวกเหมาะกับวิถีของมนุษย์เงินเดือนรุ่นใหม่ที่ย้ายงาน ย้ายที่อยู่บ่อย แต่สาเหตุสำคัญที่แทบไม่มีใครพูดถึงกันเลยและเป็นอะไรบางอย่างที่ใครฟังลำโพงลักษณะนี้แล้วมัก “ติด” ซึ่งเป็นอะไรที่ยากจะหาจากลำโพงวางหิ้ง 6 นิ้วทั่วไปหรือลำโพงวางพื้นก็ตาม

       อะไร นั่นก็คือ เสียงกลางที่ทับซ้อนกลมกลืนกับเสียงแหลมได้เป็นเนื้อเดียวกัน เนื่องจากดอกกลางทุ้มที่มีขนาดแค่ 4 นิ้วสามารถขยับได้ฉับไวกว่าดอก 6 นิ้วมาก ทำให้มันตามการขยับของดอกแหลมได้ทัน ยิ่งถ้าดอกแหลมเป็นพวกฉับไวมากอย่างดอกแหลมแบบแผ่นฟิล์ม, อีเล็คโทรสเตติก,โคมติตาเนี่ยนแท้,โคมอลูมิเนียม,โคมเบอริลเลี่ยม การนำมาเข้าคู่กับดอกกลางทุ้มประเภท 6 นิ้วขึ้นไป ดอก 6 นิ้วมักขยับตามไม่ทัน ผลคือได้ยินหัวโน้ต (หัวคำ) ชัด แต่ตัวโน๊ ต(ตัวคำ)กลับเบลอและแตกแยกออก ทำให้ลดความชัดถ้อยชัดคำ ลดมวลหรือเนื้อเสียง (กลางถึงแหลม) ลดไปหมดทั้งความสมจริง ทั้งความชัดเจน, ทรวดทรงชิ้นดนตรี, ทรวดทรงนักร้อง, รายละเอียดและลีลาอากัปกิริยาของนักดนตรี, นักรอง ความอิ่มของเสียงกังวาน พูดไปอย่างนี้หลายๆคนคงไม่เข้าใจ อาจนึกไม่ออก ต่อเมื่อได้ฟังลำโพงวางหิ้ง 2 ทาง 4 นิ้วดีๆสักครั้งจะเข้าใจและติดใจ อาลัยอาวรณ์!

       อย่างไรก็ตาม ที่พูดนี้หมายถึงลำโพงวางหิ้ง 2 ทางดอก 4 นิ้วที่ต้องมีเสียงทุ้มพอควรไม่ห้วน,หายจนน่าเกียจ

       เทคนิคการฟังลำโพง จิ๋ว แบบนี้

  1. ต้องใช้แอมป์ที่กำลังขับพอเพียง เพราะลำโพงพวกนี้มักมีความไวค่อนข้างต่ำมาก 84 – 85 dB SPL/w/m
  2. ต้องเอียงลำโพงเข้ามา( TOE IN )และปรับมุมเอียงจนได้มิติตรงกลางวงคมชัดเท่าๆกับเป็นตัวตนมี                                     ทรวดทรงดีที่สุด โดยพิจารณาช่วงความถี่กลางเป็นหลัก(เช่นเสียงร้องผู้ชาย)
  3. อย่าวางลำโพงซ้าย-ขวาไกลกันมากนัก รวมทั้งพยายามนั่งอย่าห่างลำโพงทั้งสองมากนัก ดอก 4 นิ้วไม่สามารถปั้มปริมาณอากาศได้เป็นลูกมากพอ จนไปถึงหูคุณที่นั่งห่างามกๆได้
  4. ถ้านั่งฟังห่าง เร่งวอลลูมเยอะ การสวิงดัง-ค่อยของลำโพงจะแคบเข้าและอั้นตื้อ,อื้ออึงได้ง่าย เสียงอาจแผดจัดขึ้นมาด้วย
  5. ควรฟังในห้องที่ก้องน้อยที่สุด รวมทั้งในสิ่งแวดล้อมที่เงียบสงัดสงบที่สุด เพื่อไม่ต้องเร่งมาก ดอกลำโพงจะได้สวิงจากค่อยไปดังได้กว้างขึ้น(DYNAMIC RANGE ) ดีขึ้น
  6. ฟังในสิ่งแวดล้อมที่เงียบสงบที่สุด( แอร์เงียบๆ)เพราะดอกลำโพงแค่ 4 นิ้วคงปั้มพลังอากาศ(ให้เสียงดัง)สู้กับเสียงรบกวนภายนอกไม่ได้
  7. ตู้ลำโพงบางครั้งไม่หนักพอ เพราะตัวตู้เล็กและเบาจึงมีโอกาสสั่นและเคลื่อนตัวไป(ไม่นิ่ง) โฟกัสจะเสีย หรือถึงขนาดตู้ตกลงมาได้
  8. ควรเอาหน้ากากลำโพงออก เสียงและมิติจะเปิดโปร่งโล่งขึ้น
  9. ลำโพงวางหิ้ง 2 ทางดอก 4 นิ้วที่ทุ้มราบรื่นไม่จงใจโด่งหลอกๆจะหาซับวูฟเฟอร์เข้าได้ดีกว่า
  10. ลำโพงเหล่านี้มักชี้ฟ้องต่อสัญญาณรบกวนต่างๆไม่ว่าจากคลื่นความถี่สูงของโทรศัพท์มือถือ,ไร้สาย,รีโมทไร้สาย,คอมพิวเตอร์ในห้อง ซึ่งพวกนี้มีผลต่อเครื่องเล่นแผ่นและภาคขยาย ผลจะถูกถ่ายทอดอย่างชัดแจ้งด้วยลำโพงประเภทนี้

       จากการที่ลำโพงวางหิ้ง 4 นิ้ว 2 ทาง ส่วนใหญ่อาจให้เสียงทุ้มที่ไม่ถูกใจนักเล่นพวกทุ้มหนัก ผู้ผลิตลำโพงวางหิ้งบางค่ายจึงพบกันที่กึ่งกลาง ทำลำโพงวางหิ้ง 5 นิ้ว 2 ทางออกมาซึ่งจะทำให้ทุ้มได้เป็นชิ้นเป็นอันชัดเจนมากขึ้น น้ำหนักดีขึ้น แม้จะต้องสูญเสียความกลมกลืนของกลางกับแหลมลงบ้าง

       ลำโพงวางพื้นจะคุ้มค่าแก่การทำตู้ใหญ่วางพื้นก็ต่อเมื่อเป็นระบบ 3 ทางดอกทุ้ม 6 นิ้ว,ดอกกลางทุ้ม 4 นิ้ว,ดอกแหลม 1/2 นิ้ว มิใช่แบบ 2 ทาง ทุ้ม 6 นิ้วดอกแหลม ½ นิ้ว ถ้าออกแบบได้อย่างดีเยี่ยมลำโพงวางพื้น 3 ทางดอก 6,4,1/2 นิ้วตามลำดับ จะไม่มีลำโพงวางหิ้ง 6 นิ้ว 2 ทาง หรือ 4 นิ้ว 2 ทางไหนสู้ได้เลย

       เรื่องน่าคิดอีกข้อของลำโพง 2 ทางก็คือ “ลำโพงแบบร่วมแกน หรือ COAXIAL” ต่างจากแบบ 2 ดอกแยกดอกแหลมกับดอกกลางทุ้มอย่างไรและให้ผลการฟังที่ต่างกันอย่างไร

       ลำโพง COAXIAL จะวางดอกเสียงแหลมลอยอยู่ตรงกลางหน้าดอกกลางทุ้ม ทุกความถี่เสียงจึงมาจาก                                            จุดเดียวกัน ไม่ได้แตกคนละทางอย่างลำโพงแยกชิ้น กรณีนี้จะได้เนื้อเสียงช่วงกลางต่ำ อิ่มมีทรวดทรงดีกว่าการแยกดอกวางห่างกัน ยิ่งห่างกันมากเสียงยิ่งบาง กลางต่ำหาย เสียงยิ่งขาดเนื้อมวล ผอมบาง ขาดความอบอุ่น และเสียงลงปอดลงท้อง ทรวดทรงชิ้นดนตรีดีขึ้น เวทีเสียงกว้างขึ้นโอ่อ่าขึ้น ขณะที่ความชัดถ้อยชัดคำฉับไวและกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน จริงๆจะสู้แบบแยกดอกแต่ดอกกลางทุ้ม 4 นิ้วไม่ได้  ครั้นจะลดขนาดของดอกกลางทุ้มแบบ  COAXIAL  จาก 6 นิ้วเหลือ 4 นิ้ว กลางทุ้มฉับไวขึ้นจริงแถมเป็น  POINT SOURCE ด้วย แต่ก็มีปัญหาอย่างใหม่ ดอกแหลมจะเริ่มมีผลต่อการบังเสียงจากดอกกลางทุ้ม 4 นิ้ว สุ่มเสียงและมิติเสียงจะมีปัญหาทันที ไปๆมาๆก็ต้องแยกดอกอยู่ดี   อย่างไรก็ตาม ดอกแกนร่วมที่กลางทุ้มมีขนาด 6 นิ้วก็ยังน่าฟังกว่าแยกดอก 6 นิ้วกลางทุ้มอยู่ดี ดอก COAXIAL ยังมีปัญหาสายลำโพงที่เข้าดอกแหลมเกือบทั้งหมด ลอดผ่านแกนกลางของแม่เหล็กดอกกลางทุ้ม ซึ่งจะบั่นทอนความสด,เปิดโปร่ง การสวิงเสียงอย่างอิสระของดอกแหลม ทำให้เสียงทั้งหมดอั้นตื้อ คลุมเครือขึ้น ความคมเข้มลดลง และการมีสายลำโพงเข้าดอกแหลมมาจากโรงงาน ทำให้สายต่างจากที่เข้าดอกกลางทุ้ม ความกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกันของหัวโน้ตกับตัวโน๊ต   หัวคำร้องกับคำร้องลดลง

www.maitreeav.com

www.maitreeav.com
สำนักงาน : 313/129 ซ. เคหะร่มเกล้า 64 แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ 10520
โทร. 081-5500269 , 099-569-6459