|
ซื้อเครื่องเสียง(และภาพ)อย่างไรไม่ให้พลาด โดย...อ. ไมตรี ทรัพย์เอนกสันติ มีคนพูดว่า ?ของที่แพงที่สุด คือ ของที่ซื้อมาแล้ว ไม่ถุกใจ หรือไม่ได้ใช้? ไม่ว่าของนั้นจะมีราคาสูงหรือต่ำแค่ไหน ?????? เครื่องเสียง(และภาพ)ก็เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์หลักหรืออุปกรณ์เสริม เครื่องเคียง(accessories) (เชื่อหรือไม่ว่า เครื่องเคียง นี่แหละเป็นชิ้นส่วนที่ ?แพงที่สุด? ของชุดเครื่องเสียง(และภาพ) ถ้าซื้อผิด มันก็เป็นขยะราคาแพงเท่านั้น ?????? ในบทความนี้ จะข้ามเทคนิคการพิจารณาตัวเครื่องเสียงและภาพ ซึ่งต้องพูดกันยาวมากและละเอียดยิบ มีเรื่องให้คิดเยอะรวมทั้งด้านเทคนิคพิเศษต่างๆด้วย แต่จะพูดแบบ FAST FOOD คือ เทคนิคเฉพาะหน้า เอาไปใช้ได้เลย 1. ปรึกษาผู้รู้ แน่นอน สุภาษิตมีอยู่ว่า ?ตามหลังผู้ใหญ่ หมาไม่กัด? ผู้รู้ที่เราหมายถึงมีใครบ้าง ?????? 1.1 นักวิจารณ์เครื่องเสียงตามสื่อต่างๆ ?????? พูดก็พูดเถอะ ผมอ่านบทวิจารณ์ของสื่อเมืองนอก(ฝรั่ง)มาเกือบ 40 ปี จากนักวิจารณ์หลากหลายนิตยสารนับ 10 ฉบับ มีอยู่แค่ 2 ท่านที่ผมยกย่องเชื่อมั่นคือ ปีเตอร์ มอนคลีฟ(ตั้งแต่ทำจุลสาร IAR เมื่อกว่า 30 ปีที่แล้ว)จากอเมริกา และแบรี่ฟอกซ์จากอังกฤษ(นิตยสาร HIFI NEWS & RECORD REVIEW) ?????? สำหรับบ้านเรา ขอให้พวกเราใช้วิจารณญาณเอาเอง ?????? บางครั้งนักวิจารณ์อยากพูดตรงๆ แต่ก็ติดที่จะกระเทือนสปอนเซอร์ที่ลงโฆษณานักวิจารณ์ที่ยังไม่ดัง แฟนคลับยังน้อย จึงไม่กล้าฟันธง ?????? นักวิจารณ์บางท่านก็ผันตัวเองเป็นเจ้าของสินค้า เจ้าของสื่อ แน่นอนว่าก็คงต้องเข้าข้างผลิตภัณฑ์ของตนเอง(ซึ่งอาจดีจริง) หรือเกรงใจสปอนเซอร์ วิจารณ์เชียร์ยี่ห้อหนึ่ง ยี่ห้ออื่นๆก็เหล่ มีปัญหากับโฆษณาและโยงถึงความอยู่รอดของสื่อ ก็ต้องลดความเข้มข้นและฟันธงลงจนอ่านจบ, ฟังจบ ยังไม่รู้เลยว่า ตกลงสินค้านั้น ดี-เลว น่าซื้อหรือไม่ ?????? เรียนตามตรงว่า นักวิจารณ์เป็นความแนบเนียนเวลาจะขอคำปรึกษาเราต้องรอบคอบที่สุด ใช้เหตุและผล พิจารณาจากภูมิหลังของนักวิจารณ์นั้นๆให้ดีที่สุด 1.2 อ่านจากรายงานทดสอบ ก็คืออ่านคำวิจารณ์ ต้องอ่านอย่างรอบคอบ ระวังการพูดความจริง ?ครึ่งเดียว? หรือ หมกเม็ด ?เงื่อนไข? คือผู้วิจารณ์ไม่ได้โกหก แต่ไม่ได้บอกละเอียดว่า คำวิจารณ์นั้นอยู่ภายใต้ข้อกำหนด, สภาวะแวดล้อม, อุปกรณ์ที่นำมาประกอบชุด อย่างไรบ้าง 1.3 ฟังจากนักเล่นด้วยกัน มีนักเล่นที่เก่งๆไม่หลงทางเหมือนกัน แต่บอกได้เลยว่า ไม่ถึง 30% คุณจะโชคดีได้เจอพวกเขาหรือ ส่วนใหญ่ก็เป็นนักช้อป นักซื้อ นักลอง แต่รู้ไม่จริง อย่าเชื่อเพียงเพราะพวกเขา ?เล่นมาเยอะ?, ?เล่นมานาน?, หมดไปเยอะ หรือ ?เล่นของแพง? ระวังพวกนี้จะพาคุณเข้าป่า ออกทะเลเหมือนให้ตาบอดนำทาง แถมนักเล่นบางคนก็เป็นนักเซ็งลี้ มีอาชีพเสริมรับค่าหัวคิวพาคนไปซื้อของ(โดยเฉพาะพวกสินค้าไฮเอนด์ ตัวดี) นักเล่นบางคนก็เป็นนักหิ้วของหนีภาษี, ขายของเก่า จะตระเวนไปตามงานโชว์ ตามโชว์รูมเพื่อ ?ตกเหยื่อ? ตามร้าน, ตามงาน จนบางร้านรู้แกว เอาไม้กวาดไล่ก็มี(ไฮเอนด์...อีกแล้วท่าน) 1.4 ปรึกษาร้านค้า ร้านค้าดีๆก็มี แต่น้อยกว่าที่คุณคิดเยอะ ปกติร้านค้าที่คนขายแค่ลูกจ้างหน้าร้าน มักพาคุณเข้าป่า นอกจากคนขายเป็นเจ้าของร้านเอง, เป็นนักเล่นเอง ก็จะได้เรื่องราวกว่า แต่ก็มักไม่ค่อยมีคุณธรรม จรรยาบรรณ เท่าที่ควร แถมถ้าเป็นสินค้าที่ตัวเองตัดมา หรือสั่งมา ก็มักเชียร์แต่ของตนเอง และมีอัตตา(EGO)สูงมาก ของคนอื่นเลวหมด ของตัวดีที่สุด บางร้านค้า หรือผู้นำเข้า เอะอะก็อ้างว่า สินค้าตัวนั้นได้ 4 ดาว, 5 ดาว, ได้ผลิตภัณฑ์แห่งปีจากค่ายโน้น, ค่ายนี้ จากนิตยสารโน้นนี้ คือเป็นแต่ขาย ?ขี้ปากคนอื่น? หมดปัญญาหาวิธีสาธิตข้อดีของสินค้าอย่างยุติรรมที่สุดให้ผู้ซื้อฟัง แถมบ่อยๆที่บอกว่า ไม่ต้องลองหรอก ไม่อยากแกะกล่อง(โดยเฉพาะพวกเครื่องเคียง) เมือกนอกว่าดี คุณก็ซื้อไปเถอะ หรือไม่ก็อ้างว่า เสี่ยนักเล่นคนโน้นคนนี้ก็ซื้อไปใช้(เสี่ยหน้าโง่ก็มีเยอะ) ?????? ของแพงๆแล้วขอลองไม่ให้ลอง จงอย่าไปซื้อเพราะ ไม่แน่จริง ไม่เห็นใจคนซื้อ 2. ไปฟังที่ร้าน เวลาผมแนะนำผลิตภัณฑ์อะไรให้แก่ผู้ที่ขอคำปรึกษา มักจบลงด้วยการที่ผู้นั้นขอไปฟังของจริงที่ร้าน ซึ่งผมก็เข้าใจความรู้สึกของคนที่จะต้องเสียเงิน ก็กลัวพลาด กลัวไม่ถูกใจ ?????? จริงๆแล้ว การไปฟังที่ร้าน, ตามตัวแทน เหมือนดาบ 2 คมคือ ?????? 2.1 ทางร้าน(ตัวแทน) จัดฉากอย่างหรูเลิศด้วยอคูสติกของห้อง, ขนาดของห้องที่เงียบสงบ สงัด ใช้อุปกรณ์เสริมที่ ?เกินตัว เช่นสายเสียง(INTERCONNECT) ราคาหลายๆหมื่นบาท หรือหลายๆแสนบาท หรือนับล้านบาท สายลำโพงเป็นแสนเป็นล้านบาท สายไฟ AC เส้นละครึ่งล้านบาท เป็นตัวช่วยที่รุนแรงและเว่อร์ ใส่บุคลิกเข้าไปอย่างเต็มพิกัดจนบดบังบุคลิกของอุปกรณ์ที่เราจะฟังอย่างแทบสิ้นเชิง จนแทบไม่เห็นตัวตนแท้จริงของอุปกรณ์นั้นๆ อย่าว่าแต่ผู้ซื้อเลย ขนาดสื่อมวลชนเองก็เจอ เปิดตัวชุดเครื่องเล่น CD ซุปเปอร์ไฮเอนด์ราคาประมาณ 1.5 ล้านบาท แต่ชุดที่สาธิตให้ฟังราคากว่า 15 ล้านบาท! พอๆกับร้านขายไฮเอนด์ในอดีต(ปัจจุบันปิดไปแล้ว) พยายามระบายลำโพงฝรั่งคู่ละหมื่นกว่าบาท แต่ชุดที่เปิด ราคา 3-4 ล้านบาท มีคนซื้อลำโพงไปฟังที่บ้านกับชุด 2 หมื่นกว่าบาท ฟังแล้วอยากร้องไห้ มันฟ้ากับเหวเลย ?????? นั่นแง่หนึ่ง อีกแง่คือ ของดีมาก แต่ร้านติดตั้งแย่มาก,สาธิตไม่เป็นหรือผิดพลาด ทำให้ของที่ดีมากกลายเป็นยังงั้นๆ หรือถึงขนาดแย่ไปเลย(ของยิ่งดี ยิ่งเที่ยงตรง จะยิ่งฟ้องการสาธิต) ?????? 2.2 ที่ร้านมีปัญหาเรื่องระบบไฟ AC นี่เป็นจุดตาย(สนิท)ของการฟัง(ดู) ถ้าสายไฟ AC ของทางศูนย์การค้า, ของร้านค้า, ของโชว์รูม, ของห้องฟัง เดินสายย้อนทิศ(ต้องฟังทดสอบเอา) ทุกอย่างก็จบ อะไรที่ดีๆความดีทั้งหลายจะกลายเป็นความเลวไปหมด(อย่างที่ศูนย์การค้าอัมรินทร์พลาซ่า ผมไม่เคยฟังเครื่องเสียง ร้านไหนเสียงดีเลย ตลอดเกือบ 30 ปีมานี้ ไม่ว่าชุดใหญ่ชุดเล็ก ถูก-แพงแค่ไหน) ปัญหานอกจากทิศทางสายไฟ, ก็ยังมีสัญญาณรบกวนในไฟ AC, การขันสายตามแผงจ่ายไฟเมนส์ไม่แน่น(นานๆคลอน) 3. การฟังที่บ้าน ไม่ใช่ที่ร้าน ?????? กรณีที่บริษัทใจถึงให้ยืมมาฟังที่บ้าน จะแยกได้ 2 กรณีคือ ?????? 3.1 เจ้าของร้าน, เด็กคนขาย มาที่บ้านด้วย อาจเพื่อมาจัด, ติดตั้งให้ ก็ต้องระวัง ดูดีๆว่า เขามิได้มาขยับจับเลื่อน(หรือเศก) ให้ของเราฟังแย่ลง เพื่อให้ของเขาฟังดีกว่า(ระวังเรื่องการขยับลำโพง, เอียงลำโพง, ตำแหน่งลำโพงล การวางเครื่องบนพื้นพรมบวกปูน, การแกล้งสลับสายลำโพงชุดแหลม/ชุดทุ้ม กรณีเดินสายไบ-ไวร์, การแกล้งสลับขาปลั๊กไฟ AC, การเอาสายลำโพงพาดสายไฟ, การเล่น CD ด้วยรีโมทกับกดที่หน้าเครื่อง, ฯลฯ จริงๆแล้ว ถ้าระดับเซียนจะวางยากันได้แทบทุกจุด ?????? ที่จริงคนขาย(พนักงาน, เจ้าของร้าน)เองก็ต้องระวัง ถ้าเจอเจ้าของบ้าน นักเล่นระดับเทพ ก็สามารถล่อให้อุปกรณ์ของร้านตกม้าตายได้ เพื่อกดราคาให้ต่ำ ?????? 3.2 กรณีทางร้านไม่ได้ส่งคนมา กรณีนี้คงต้องเชื่อใจกันทั้ง 2 ฝ่าย ถ้าใจซื่อบริสุทธิ์ทั้งคู่ ถือเป็นเงื่อนไขการตัดสินใจซื้อที่ดีที่สุด เพราะผู้ซื้อได้ลองเต็มที่กับชุดของเขา แถมยังสามารถหาอุปกรณ์คู่แข่งอื่นมาฟังเปรียบเทียบ รวมทั้งเรียกญาติ, เพื่อนฝูง, นักเล่น, นักวิจารณ์มาช่วยฟังตัดสินได้ด้วย นี่คือส่งที่เมืองนอกเขาทำกัน โดยขายอย่างมีเงื่อนไข เอาไปฟังภายในกี่วัน ไม่พอใจเอามาคืนได้ และคืนเงินให้ ?????? ในกรณีนี้(3.2) น่าจะมีบริการของนักวิจารณ์(ที่ดี, เก่งจริง) ที่รับให้บริการมาฟังที่บ้านของผู้ซื้อ เพื่อช่วยแนะนำวิจารณ์ด้วยจะดีมาก แต่ก็ต้องดูด้วยว่า นักวิจารณ์นั้นมีผลประโยชน์ทักซ้อนหรือไม่ และฟังเก่งจริงไหม ติดตั้งชุดเก่งจริงไหม หรือเอะอะก็ให้เราเปลี่ยน, เปลี่ยน และเปลี่ยน ไม่พยายาม ?ปลุก? ชุดของเรา อย่างนี้ก็ส่งแขกเลย ไม่ใช่นักวิจารณ์, นักวิชาการแล้ว แต่เป็นเซลล์แมนมากกว่า ?????? อย่ามั่นใจว่าคุณเองฟังเก่ง ฟังมานาน บ่อยๆ ที่เราฟังอย่างหลงประเด็น ทำให้เราคิดว่า ถูกเป็นผิด, ผิดเป็นถูก 3. การฟังในงาน ?????? ว่าฟังที่ร้านมีโอกาสผิดพลาดเยอะแล้ว ฟังในงานยิ่งเสี่ยงหนักขึ้นไปอีก ถ้าใครคิดจะไปฟังในงานเพื่อตัดสินใจซื้อไม่ว่าเครื่องเสียงหรือเครื่องภาพ เป็นอะไรที่น่ากลัวมาก คุณจะเจอครบทุกปัญหาที่กล่าวตั้งแต่ข้อ 1 ถึง 3 เพราะมันเป็นสนามเปิดที่ทำอะไรก็ได้ แถมฟังมากๆจากหลายๆยี่ห้อในงาน มีโอกาสเบลอ หรือตกหลุมพรางตัวเอง(หูตัวเอง หลอกตัวเอง, ความรู้สึก/ความฝังใจ หลอกตัวเอง) อย่าคิดว่า ได้มีโอกาสฟังเปรียบเทียบหลายๆยี่ห้อ อย่าลืมว่า มันก็คนละสภาพแวดล้อม, เงื่อนไขอยู่ดี ?????? สรุป การเล่นเครื่องเสียง(ภาพ)เป็นเรื่องละเอียดอ่อนอย่างยิ่งยวด อย่าคิดว่าต้องเครื่องเสียงไฮเอนด์จึงจะสมควรพิถีพิถัน ไม่แปลกที่การรู้จักเลือก รู้จักซื้อ รู้จักติดตั้ง เครื่องเสียงราคาถูกหรือปานกลาง ก็มีสิทธิ์ให้ได้ ความน่าฟัง มากกว่าชุดใหญ่ไฮเอนด์ราคาแพงๆด้วยซ้ำ ขออย่างเดียว เมื่อได้อ่านบทความนี้แล้ว อย่าท้อถอย คิดว่า คงไม่โชคดีที่จะไม่ผิดหวัง เครื่องเสียงเป็นอะไรที่มีเสน่ห์ มีจิตวิญญาณ ทุกคนเข้าถึงมันได้ แล้วคุณจะรู้ว่า ความสุขอยู่แค่เอื้อม ที่บ้านของคุณเอง ไม่ต้องไปแสวงหาจาภายนอก ไม่ต้องไปเสียเงินแพงๆฟังของจริงก็พอได้ ขอแต่คุณเริ่มอย่างถูกทางเท่านั้น www.maitreeav.com |