000
ปรึกษาเครื่องเสียง อจ. ไมตรี โทร 099-569-6459    
 
บอร์ดพูดคุย, ซื้อ-ขายเครื่องเสียง
>> audio-teams.com
>> noom-hifi.com
>> wijitboonchoo.com
>> hifi55.com  
>> sk-audiophile.com
>> htg2.net
นิตยสารเครื่องเสียง
>> what Hi-Fi? Thailand
>> The Wave
>> Audiophile-Videophile
>> gm2000.com
>> The Stereo
ร้านค้าเครื่องเสียง
>> Piyanas Electric
>> KS Sons Group
>> Conice (บ้านทวาทศิน)
>> อัศวโสภณ
>> munkonggadget.com
>> bkkaudio.com
 
ปรับขนาดตัวหนังสือ เช่น 15, 16, 18, 20, + + / ยกเลิกใส่ 0 :

หมวดหมู่ > บทความ > ปกิณกะ > ผลึกกับเสียง.....ที่คุณนึกไม่ถึง
วันที่ : 11/02/2016
9,673 views

ผลึกกับเสียง.....ที่คุณนึกไม่ถึง

โดย...อ. ไมตรี ทรัพย์เอนกสันติ

ใครจะคิดว่า แร่รัตนชาติหรือผลึกต่างๆ(CRYSTAL)ล้วนมีผลต่อมิติและเสียงในการฟังเพลงอย่างเหลือเชื่อ  แร่รัตนชาติจะถูกทั้งความร้อนระดับนับพันองศา C ขึ้นไปและแรงกดดันอันมหาศาลภายใต้พื้นโลก บ้างก็ถูกฟังอยู่ใต้ภูเขาน้ำแข็งมหึมานานนับศตวรรษหรือเป็นล้านๆปี ทั้งหมดได้หล่อหลอมบ่มเพาะให้ส่วนประกอบของแข็ง อิฐ หิน ดิน ทราย ลาวา ใต้โลกเหล่านั้นปรับโครงสร้างภายในจนอยู่ในรูปผลึก(CRYSTAL)ที่มีโครงสร้างแตกต่างกันไปสารพัด เป็นแร่,ผลึก,รัตนชาติ ต่างๆนับร้อยชนิด

          เราพบว่า  ผลึกแร่เหล่านี้ต่างจะตอบสนองต่อคลื่นความถี่สูง-ต่ำที่เกิดในธรรมชาติจากโลก จากอวกาศ แตกต่างกันไปคนละแถบคลื่น

          คลื่นหรือพลังจักรวาลส่วนหนึ่งเกิดจากพายุสุริยะ(SOLAR STROM)ที่กระจายมาจากดวงอาทิตย์และวิ่งมาถึงโลก ดีที่ถูกสนามแม่เหล็กโลกทำตัวเป็นเกราะกำบังป้องกันอันตรายจากคลื่นความถี่สูงหรือรังสีต่างๆที่มากับพายุนั้น ไม่ให้มากระตุ้นและทำลายโลกให้ปริแตก,ระเบิด,ไหม้จุล เหลือคลื่นแต่บางส่วนที่ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตที่เหลือเล็ดรอดเข้ามาเช่น คลื่นแสง

          ผลึกA ก็ตอบสนองต่อคลื่นนี้ โดยผลึกAจะทำตัวเหมือนเป็นเครื่องรับวิทยุ(ทราบไหมว่าจริงๆแล้วในเครื่องรับวิทยุ เครื่องเล่นแผ่นก็มีผลึกชนิดหนื่งที่ใช้เป็นตัวอ้างอิงว่า จะให้มันสแกนไปรับคลื่นความถี่ช่วงใดจากแถบคลื่นทั้งหมด) แถบคลื่นที่เข้ามาหาผลึกAจะถูกผลึกAกลั่นกรอง ตอบสนองเหลือแต่ช่องความถี่จำเพาะอันหนึ่ง(ให้เป็นFa)ซึ่งผลึกAจะปล่อยคายออกมาหรืออาจคิดได้ในอีกแง่มุมหนึ่งว่า ผลึกAดูดบางแถบช่วงความถี่ของคลื่น มาย่อยสลายทิ้งภายในตัวของมันเอง(โครงสร้างผลึกที่สลับซับซ้อนแต่อยู่ในรูปแบบเฉพาะอันหนึ่ง จะสะท้อนคลื่นแถบนั้นกลับไปกลับมาภายในตัวผลึกและเกิดการหักล้างหรือเสริมคลื่นภายในนั้น)

          ในทำนองเดียวกัน บางช่วงความถี่ที่เข้าไปในก้อนผลึก ก็อาจถูกโครงสร้างภายในสะท้อนคลื่นบางช่วงนั้น กลับไปกลับมา จนเกิดการสะสมความแรงมากขึ้นๆ ก่อนถึงจุดหนึ่งที่มันทะลุออกมาอย่างสะเปะสะปะโดยรอบ(แล้วถ้าเราปรับสรีระของก้อนผลึกให้คลื่นสะสมที่แรงขึ้นๆถูกรวบรวมส่งออกมาที่จุดๆเดียวจากก้อนผลึกนั้นได้ล่ะ......อาวุธ! และพลังงานไม่รู้จบ!)

          ถ้าจะว่าไปแล้ว ไม่แต่เพียง อิฐ หิน ดิน ทราย ของแข็ง เท่านั้นที่มีความเป็นผลึก หรือ การมีโครงสร้างเกาะเกี่ยวกันภายใน ที่จำเพาะอันหนึ่ง ซึ่งดูๆไปแล้วก็ไม่ต่างจาก พฤติกรรมของความเป็นผลึกของของแข็ง ไม่ว่าน้ำ,สิ่งมีชีวิตทั้งหลาย ไม่ว่าเล็กจนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า หรือใหญ่ขนาดไดโนเสาร์ และแน่นอนรวมทั้งมนุษย์ด้วย พื้นฐานโครงสร้างที่เล็กที่สุดของสิ่งมีชีวิตจะเป็นโซ่ห่วงของโมเลกุลเคมีที่เรียกว่า DNA ซึ่งดูไปแล้วก็ทำนองเดียวกับโครงสร้างของผลึกดีๆนี่เอง

          อะไรที่มีผลและเกิดกับผลึก เมื่อถูกกระทำด้วยคลื่นจักรวาล(COSMOS)ก็น่าจะมีผลต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิตเช่นกัน แต่น่าจะสลับซับซ้อนกระจายเป็นหลายส่วนมากกว่า อวัยวะแต่ละภาคส่วนของมนุษย์จะมี DNA ที่เป็นตัวควบคุมที่แตกต่างกันไปต่อแต่ละภาคส่วนนั้นๆส่วนสมองก็อย่าง,ส่วนหัวใจก็อย่าง,ส่วนท้องก็อย่าง,ส่วนขับถ่ายก็อย่าง,ส่วนแขน,ขาก็อย่าง แต่ละส่วนจะสนองตอบต่อความถี่จักรวาลที่ต่างกันไป(จักระ) การสั่นสะเทือน(VIBRATION)ของเซลล์,เนื้อเยื่อ,DNAก็ต่างกันไปในแต่ละภาคส่วน

          การบำบัดหรือปรับเพื่อคืนการสั่นที่ถูกต้องของแต่ละภาคส่วนบนร่างกายจึงต้องใช้ผลึกที่ตอบสนองต่อความถี่จักรวาลที่ต่างกันไป และน่าจะต้องเป็นการสั่นที่คล้องจองกันระหว่างผลึกนั้นกับอวัยวะส่วนนั้นๆ

          นี่คือเหตุผลของการบำบัดด้วยผลึกว่าเป็นไปได้อย่างไร

          ถ้าเราแทนที่อวัยวะต่างๆของมนุษย์ด้วย แต่ละภาคส่วนของชุดเครื่องเสียง ก็ไม่น่าจะแปลกใจว่า ทำไมผลึกต่างๆจึงมีผลต่อเครื่องเสียงได้ ผลึกบางชนิดรุนแรงพอที่จะดูดเอาความถี่จำเพาะอ้นหนึ่งจากคลื่นจักรวาลไปเหนี่ยวนำกับผลึกของสายไฟACที่เข้าเครื่องทำให้ผลึกของสายไฟ เรียงตัวเป็นระเบียบขึ้น สงบขึ้น กระแสจึงไหลได้เต็มที่มากขึ้น สะอาดหมดจดขึ้น พละกำลัง,มิติเสียง รายละเอียดของเสียงจึงดีขึ้น(เช่นผลึกทัวมารีน)

          ผลึกบางชนิด ช่วยดูดซับสัญญาณรบกวนรอบๆตัวเราไม่ว่าคลื่นวิทยุ,TV,WIFI,โทรศัพท์ เข้ามาในตัวมันแล้วหักล้างหมดในตัวมันเอง ดุจมันเป็นตัวดูดขยะ ย่อยสลายขยะ เมื่อนำไปวางใกล้เครื่องเสียงโดยเฉพาะ ภาคปรี,ภาคดิจิตอล,ภาคภาพ ทำให้ภาพคมชัด สดใส อิ่มฉ่ำดีขึ้น สุ้มเสียงดีขึ้น(เช่นผลึกควอตซ์ใส,ผลึกอะมิทิส)

          ยังมีผลึกอีกหลายตัวที่มีผลต่อเครื่องเสียง ภาพและการฟังเพลงเช่น อ๊อบซีเดียน,อาเกต เป็นต้น แต่ต้องไม่ลืมว่า บางครั้งตัวผลึกเองก็อาจจะไปป่วนคุณภาพของภาพและเสียงได้(คือเป็นผลลบ ผลเสีย) เป็นไปได้ว่าแทนที่มันจะดูดซับสัญญาณขยะในบรรยากาศ มันกลับรับคลื่นจักรวาลบางช่วงความถี่เข้ามาก้องขยายในตัวมันแล้วส่งออกมารบกวน

          เหตุผลเดียวกันนี้สามารถอธิบายว่า ผลึกต่างๆก็น่าจะมีผลต่อร่างกายมนุษย์เช่นกัน อย่าลืมว่า กระแสเม็ดเลือดที่วิ่งไปทั่วร่างกายของเราแต่ละเม็ดก็นำพาประจุไฟฟ้าไปด้วย ทั่วร่าง วนไปมาอย่างครบวงจร ก่อให้เกิดสนามแม่เหล็กไฟฟ้ากระจายออก-ยุบตัวลง ครอบคลุมร่างตลอดเวลาที่เรียกว่า คลื่นAURA  ดุจเดียวกับสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่แผ่กระจายออกรอบขดลวดหรือหม้อแปลงไฟ ผลึกจึงมีอิทธิพลต่อสนามAURA ส่งผลถึงประสิทธิภาพของการรับรู้ของสมอง นั่นก็คือ ผลการฟังเสียงและดูภาพนั่นเอง

          เพื่อน 2-3 คนเคยลองนำแผ่นตะกั่วรีดบาง มาปะที่รอบๆหมวกและหางด้านหลังหมวก(ที่ปิดท้ายทอย)ปรากฏว่า ฟังเสียงดีขึ้นอย่างชัดเจน ดูภาพจากจอLCDก็ดีขึ้นดูออก

          การนำผลึกอย่างทัวมารีนและอะมิทิส มาวางใกล้ที่นั่งฟัง ปรับทิศทาง คว่ำหงาย ของผลึกให้ถูกต้อง(ฟังเอา) ปรากฏว่าสามารถ “จูน”เสียงและมิติได้เลย

          จากประสบการณ์ของผู้เขียนที่เล่นกับผลึกมาร่วม 20 ปี นั่งยันนอนยันได้เลยว่ามีผลต่อเสียง,มิติ,ภาพจริง แม้แต่นำกระโจม ผลึกอะมิทิสขนาดสูงเป็นศอก ไปวางหัวเตียง ก็รู้สึกเวลานอนอะไรๆมันสงัดขึ้น สงัดจากภายในสมอง ไม่ใช่หูฟังหรือเมื่อเอา ทัวมารีน มาวางชิดหมอนที่นอน ก็พบว่าประสาทตื่นตัว ไม่รู้สึกง่วง พาลจะนอนไม่หลับ ต้องนำผลึกไปวางห่างออกไปเมตรกว่าจึงค่อยจะปกติ

          เวลาสวดมนต์หรือจิตใจดี,สงบ(เช่นพึ่งทำบุญมาวันนั้น) DNAส่วนสมองจะสั่นที่ความถี่ต่ำลงมาก(คลื่นอัลฟ่า) มันจะเชื่อมต่อรับพลังงานที่สะอาด บริสุทธิ์จากจักรวาล(COSMOS) เข้ามาสู่ตัวเราและคายออกสู่น้ำในกระแสเลือด,ในส่วนของเหลวทำให้ผลึกของน้ำ,ของเหลวมีรูปร่างสวยงามเป็นแฉกดาวอย่างมีระเบียบระบบ จำนวนโมเลกุลต่อ 1 หน่วยปริมาตรของน้ำ,ของเหลวจะลดจำนวนลงนับ 10 เท่า ของเหลว,น้ำจึงมีแรงตึงผิวลดลงมาก สารอาหารในกระแสเลือดจึงสามารถถูกโมเลกุลน้ำพาซึมเข้าสู่เซลล์ได้ง่าย,คล่องตัว,สะดวก,เต็มที่ขึ้น ร่างกายก็แข็งแรงมากขึ้น สดใส อ่อนเยาว์ขึ้น

          จะเห็นว่า ที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมด ผลลัพธ์การดูและฟัง(แน่นอนสุขภาพ)จะขึ้นอยู่กับคลื่นจักรวาลทั้งสิ้น

          ประเทศต่างๆในโลก อยู่ในตำแหน่งภูมิศาสตร์ที่ต่างกันตั้งแต่นิดหน่อยถึงต่างกันมาก ส่งผลให้การฟังเสียงได้ผลแตกต่างกัน ฟังที่ญี่ปุ่น,เยอรมัน,จีน,อเมริกา,สวิส ย่อมต่างกัน เนื่องจากแต่ละแห่งถูกกระทำโดยคลื่นจักรวาลที่ต่างกัน รวมทั้งคลื่นแม่เหล็กโลกที่ต่างกัน แร่รัตนชาติแวดล้อมต่างกัน ญี่ปุ่น จึงอาจจูนเสียงให้ลงตัวกับการฟังที่ญี่ปุ่น เยอรมัน,ไทย,อเมริกาก็เช่นกัน  ดังนั้นการนำเครื่องเสียงมาฟังข้ามเขตที่ภูมิศาสตร์ ภูมิประเทศต่างกันมากๆ การลงตัว ถูกหูย่อมต่างกันไปได้ไม่มากก็น้อย เราถึงมีคำพูดว่า  เสียงญี่ปุ่น  เสียงเยอรมัน  เสียงผู้ดีอังกฤษ  เสียงจีน เหมือนกับจะบอกว่า จะฟังที่ไหนก็ต้องจูนเสียงสำหรับที่นั่นด้วย

          มีคำกล่าวว่า ทองแดงบริสุทธิ์ระดับ 99.99% ที่เรียกว่า PCOCC (ลิขสิทธิ์ FURUKAWA ) ซึ่งตัวทองแดงเกือบจะเป็นผลึกไปแล้ว จำนวนโมเลกุลต่อความยาว 1 หน่วยลดลงมากๆ

          มีความพยายามของค่ายไต้หวันที่จะทำทองแดง OCC (คือ PCOCC )ออกมาบ้าง แต่จนแล้วจนรอด PCOCC ของญี่ปุ่น FURUKAWA ก็ให้เสียงที่ถูกหูนั่งเล่นมากกว่า

          เป็นไปได้ไหมว่า ตำแหน่งของโรงงานหลอม,รีดทองแดงของทั้ง 2 ประเทศต่างกัน น้ำหล่อเย็นที่ใช้ต่างกัน คลื่นจักรวาลที่จะกระทำต่อมวลโมเลกุลทองแดงที่ถูกทำจนเกือบเป็นผลึกทองแดงไปแล้วต่างกัน คลื่นขยะ( RF,EMC,WIFI,CELL SITE etc)จากสิ่งแวดล้อม ที่กระทำต่อทองแดงผลึกต่างกัน

          จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมเสียงจึงต่างกันได้มากอย่างไม่น่าเชื่อ พระธาตุทั้งหลายซึ่งเป็นเถ้ากระดูกที่ได้จากหลังทำพิธีฌาปณกิจศพพระเกจิอาจารย์หรือพระอรหันต์ต่างๆ ก็เป็นผลึก กระดูกของท่าน

          การประพฤติปฏิบัติอันประเสริฐของท่าน ได้ปรับสภาพมวลกระดูกของท่านจนเป็นผลึกที่รองรับกับพลังจักรวาลด้านดี(ขาว,สว่าง) เมื่อเรานำอัฐิเหล่านั้นมาบูชา ก็ย่อมสื่อกับพลังจักรวาลที่ดีๆได้เช่นกัน

          บทส่งท้าย

          จริงอยู่บทความทำนองนี้เขาเรียกว่า การอนุมานแบบกึ่งวิทยาศาสตร์หรือ PSEUDOSCIENCE คือไม่สามารถใช้เครื่องไม้เครื่องมือมาพิสูจน์ได้ ทำซ้ำก็อาจได้ผลต่างกัน อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนยอมรับว่าเป็นเช่นนั้นจริง เนื่องจากไม่สามารถหาเครื่องมือมาวัด มาแสดง ให้เป็นรูปธรรมทางวิทยาศาสตร์ได้ นอกจากการลงไปปฏิบัติจริงๆ แต่อย่างน้อยก็อยากฝากไว้เป็นข้อคิดแนวทางที่เป็นไปได้ ใครจะรู้ วันหนึ่งเราอาจหาเครื่องมือมาวัดได้ วันนี้เราจึงต้องใช้เครื่องมือที่ดีที่สุดในโลกที่ธรรมชาติสร้างมานั่นคือ ตัวของมนุษย์เอง

 

www.maitreeav.com

www.maitreeav.com
สำนักงาน : 313/129 ซ. เคหะร่มเกล้า 64 แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ 10520
โทร. 081-5500269 , 099-569-6459